วิธีตรวจสอบซิลิโคนเสริมจมูกและคาง ก่อนตัดสินใจทำสวย

02 ก.พ. 2566 15:07:16จำนวนผู้เข้าชม : 447 ครั้ง

             นพ. ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงาม ร.พ.บางมนะวิธีตรวจสอบซิลิโคนเสริมจมูกและคาง หลังมีข่าวพบซิลิโคนเถื่อนไม่ได้มาตรฐาน เตือนประชาชนเลือกสถานบริการที่น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้


วิธีตรวจสอบซิลิโคนเสริมจมูก/เสริมคาง ดังนี้


          ซิลิโคนแท่งที่ใช้ในการเสริมจมูก/คาง จะมี 2 รูปแบบ คือ


          1. มาเป็นแผ่นใหญ่ แล้วให้ศัลยแพทย์นำไปตัดแบ่ง/เหลาเองในแต่ละเคส


          2. แบบสำเร็จรูป ทำเป็นรูปทรงมาเรียบร้อยแล้ว


      สำหรับกรณีที่ 1 หากซิลิโคนมาแบบเป็นแผ่นใหญ่ ควรจะมี ชื่อบริษัท และเลข LOT/serial number อยู่ที่ package ของแผ่นใหญ่ที่มาจากโรงงาน ซึ่งหากศัลยแพทย์ตัดแบ่งเป็นชิ้นย่อย ๆ แล้วจะต้องนำซิลิโคนไป sterile ก่อนใช้ในการผ่าตัดแต่ละเคสแล้ว โดยใน pack sterile ย่อย ๆ เหล่านั้นควรจะต้องมีเลข LOT แยกออกมาในแต่ละชิ้นแบบชัดเจนด้วย

(ตัวอย่างรูปที่ 1)

(ตัวอย่างรูปที่ 2) 


         สิ่งที่สามารถตรวจสอบ หรือสอบถามจากทางคลินิก หรือโรงพยาบาลได้ในกรณีนี้ คือ


                   - ชื่อยี่ห้อของซิลิโคนที่ใช้ (เป็นสิ่งสำคัญที่สุด)


                  -เลข LOT/serial number ที่มาใน package ใหญ่ ซึ่งในอดีตโรงพยาบาลหรือคลินิกอาจจะไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนนี้ไว้ ดังนั้น หากขอตรวจสอบย้อนหลังจะทำได้ลำบาก แต่หากคนที่ต้องการเสริมใหม่ ควรจะสามารถขอดูและตรวจสอบได้


       สำหรับกรณีที่ 2 หากซิลิโคนนั้นทำมาเป็นแบบสำเร็จรูป หมายถึง ขึ้นรูปมาจากโรงงานแล้ว ส่วนมากจะแยกเป็น package ย่อย ๆ และ sterileไว้แล้ว ในกรณีเช่นนี้จะมี เลข LOT หรือ serial number แยกมาในแต่ละชิ้น ซึ่งสิ่งที่สามารถตรวจสอบได้ คือ ชื่อยี่ห้อซิลิโคน และเลข LOT/serial number ที่แยกมาเช่นเดียวกัน


              ทั้งนี้ ในกรณีถุงซิลิโคนสำหรับเสริมหน้าอก หรือเสริมก้น/สะโพก การตรวจสอบจะทำได้ง่ายกว่าซิลิโคนเสริมจมูกและคาง เพราะทางบริษัทจะมีกล่องแยกมาอย่างชัดเจน มีชื่อผลิตภัณฑ์ ขนาดเลข LOT/serial number ที่ชัดเจน และยังมี card หรือใบรับประกัน ทั้ง paper หรือ online ให้คนไข้เก็บไว้อีกด้วย

(ตัวอย่าง รูปที่ 3)


           อย่างไรก็ตาม ขอฝากย้ำเตือนเพื่อความปลอดภัยในการทำศัลยกรรมความงาม ทุกท่านควรตรวจสอบและเลือกวัสดุที่ปลอดภัย มีมาตรฐานทางการแพทย์ และผ่าน อย. เท่านั้น นอกจากนี้ ควรหาข้อมูลให้รอบด้าน เลือกศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน


 ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล : https://www.banmuang.co.th/news/marketing/312676