“เนื้องอกในสมอง”เสี่ยงพบได้ทุกเพศ ทุกวัย

20 ต.ค. 2563 13:48:04จำนวนผู้เข้าชม : 905 ครั้ง

กรมการแพทย์ สถาบันประสาทวิทยา เผยเนื้องอกในสมองเป็นโรคที่พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเอง แต่บางรายพบความผิดปกติจากพันธุกรรม โดยพบเนื้องอกที่เป็นเนื้อธรรมดาได้บ่อยกว่าเนื้องอกที่เป็นเซลล์มะเร็ง
          นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เนื้องอกในสมอง คือ เนื้อที่เกิดจากการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติของเซลล์ในสมองหรือบริเวณเนื้อเยื่อและต่อมต่างๆ บริเวณใกล้เคียงกับสมองไปรบกวนระบบประสาทและการทำงานของสมอง ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน มีปัญหาด้านพฤติกรรม บุคลิกภาพ การพูด การได้ยิน การมองเห็น ความจำ และอาจเกิดอาการชัก เป็นอัมพาตครึ่งซีก ซึ่งเนื้องอกในสมองมี 4 ระดับ โดยวัดตามลำดับการเจริญเติบโตของเนื้องอกและโอกาสในการกลับมาเป็นอีก แม้ได้รับการรักษาแล้ว แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 1.เนื้องอกที่เป็นเนื้อธรรมดา เป็นเนื้องอกที่มีการเจริญเติบโตช้า ไม่ใช่เซลล์มะเร็ง สามารถรักษาให้หายหรือมีขนาดเล็กลงได้ และมีโอกาสน้อยที่ผู้ป่วยจะกลับมาเป็นอีกหลังการรักษา 2.เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย เป็นเนื้องอกอันตราย มีการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ คือ เซลล์มะเร็ง อาจเกิดบริเวณสมอง หรือเกิดขึ้นที่อวัยวะอื่นแล้วลามเข้าสู่สมอง เนื้องอกที่เป็นเซลล์มะเร็งจะมีการเจริญเติบโตเรื่อยๆ ไม่สามารถควบคุมได้ และมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นได้อีก

          นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุของเนื้องอกในสมอง เกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรมในเซลล์สมอง หรือการกลายพันธุ์ของเซลล์ ซึ่งจะทำให้เซลล์มีการแบ่งตัวและเจริญเติบโตในอัตราที่ผิดปกติ เนื้อเยื่อที่เกิดจากเซลล์ผิดปกติเหล่านี้จึงก่อตัวเป็นเนื้องอกบริเวณสมอง สร้างความเสียหายแก่สมองและระบบประสาท หรืออาจเกิดจากมีเซลล์มะเร็งที่อื่นแล้วลามเข้าสู่สมองทางกระแสเลือด ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการที่เฉพาะเจาะจงในการป้องกันไม่ให้เกิดเนื้องอกในสมอง แต่ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเนื้องอกในสมอง ได้แก่ อายุการได้รับรังสีอันตรายเข้าสู่ร่างกาย ประวัติบุคคลในครอบครัวที่เคยมีเนื้องอกในสมอง ปัจจุบันแนวทางการรักษาเนื้องอกในสมองมีอยู่ 3 วิธี คือ การผ่าตัด ฉายรังสี และการให้ยาเคมีบำบัด ซึ่งแพทย์จะเลือกแนวทางรักษาจากอาการของผู้ป่วย ตำแหน่งของเนื้องอก และขนาดของเนื้องอก หากผู้ป่วยมีเนื้องอกที่ไม่ได้ทำให้เกิดอาการและมีขนาดเล็กมาก อยู่ในตำแหน่งของสมองที่ไม่ได้ทำให้เกิดการสูญเสียการทำงานของร่างกาย อาจเพียงแค่ติดตามอาการเพื่อดูว่ามีการขยายตัวของเนื้องอกเพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจึงค่อยทำการรักษา แต่ถ้าเนื้องอกมีขนาดใหญ่พอสมควรและทำให้เกิดอาการ เช่น อ่อนแรงหรือปวดศีรษะมาก จำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อเอาก้อนเนื้องอกออก ในกรณีที่ผ่าตัดเนื้องอกออกไปแล้วพบว่าเป็นเนื้อร้ายอาจต้องทำการฉายรังสีหรือให้ยาเคมีบำบัดร่วมด้วยดังนั้น หากมีสัญญาณอันตรายที่เกิดขึ้นกับร่างกายที่อาจบ่งบอกว่ามีเนื้องอกในสมอง เช่น อาการปวดศีรษะเรื้อรังที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาการอ่อนแรงที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย อาการชัก ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่นๆ และรักษาอย่างทันท่วงที