โรคหัวใจติดเชื้อ รู้ทัน ป้องกัน รักษาได้

10 พ.ค. 2566 10:31:36จำนวนผู้เข้าชม : 524 ครั้ง

โรคหัวใจ เป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการเสียชีวิตในคนทั่วโลก และเกิดขึ้นจากหลากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติที่เกิดจากส่วนประกอบของใด ๆ ของหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะได้ยินและคุ้นเคยกับชื่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แตก ตัน กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ แต่หลายคนกลับไม่รู้จักและไม่เคยได้ยิน “โรคหัวใจติดเชื้อ” ที่เป็นอีกโรคหนึ่งที่ต้องระวังกันให้ดี ฉะนั้นมาทำความรู้จักกับเรื่องราวของโรคหัวใจติดเชื้อ เพื่อเป็นแนวทางป้องกันและรักษาได้อย่างทันเวลา
รู้จัก...โรคหัวใจติดเชื้อ
                 โรคหัวใจติดเชื้อ เกิดได้กับทุกส่วนของหัวใจ แต่มักเกิดกับลิ้นหัวใจ โดยเฉพาะลิ้นหัวใจที่มีโรคอื่น ๆ อยู่ หรือการบาดเจ็บ เช่น จากโรคไข้รูมาติก โรคลิ้นหัวใจแต่กำเนิด การผ่าตัดหัวใจ การผ่าตัดลิ้นหัวใจ การใส่ลิ้นหัวใจเทียม โดยลิ้นหัวใจที่พบเกิดโรคได้บ่อย คือ ลิ้นหัวใจที่อยู่ระหว่างหัวใจห้องบนซ้ายกับห้องล่างซ้าย รองลงไปคือ ลิ้นหัวใจที่อยู่ระหว่างหัวใจห้องล่างซ้าย กับท่อเลือดแดง และในการอักเสบอาจเกิดขึ้นเพียงจุดใดจุดหนึ่ง หรือลิ้นใดลิ้นหนึ่งของหัวใจ หรือเกิดหลาย ๆ จุด หรือหลายลิ้นหัวใจพร้อมกันก็ได้ ขึ้นกับความรุนแรงของโรค
                 ผู้ที่จะเป็นโรคหัวใจติดเชื้อได้นั้น ต้องเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ การมีลิ้นหัวใจผิดปกติอยู่ก่อน เช่น ลิ้นหัวใจรั่วหรือลิ้นหัวใจตีบ และมีการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเลือดจะหมุนวนผ่านลิ้นที่มีความผิดปกติ หากมีการหมุนวนมาก ๆ จะเป็นการทำลายเยื่อบุลิ้น มีบาดแผล พื้นผิวจะไม่เรียบมีการขรุขระเกิดขึ้น พอมีเชื้อในกระแสเลือดแม้แต่ปริมาณเล็กน้อย ก็จะสามารถเข้าไปเกาะบริเวณที่ไม่เรียบตรงนั้น แล้วเกิดการติดเชื้อตามมาได้
กลไกการเกิดโรคหัวใจติดเชื้อ
                 ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ แล้วส่งผลให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุหัวใจ โดยเฉพาะบริเวณลิ้นหัวใจ ซึ่งการอักเสบต่าง ๆ จะทำให้การไหลเวียนของเลือดในห้องต่าง ๆ ของหัวใจผิดปกติ ส่งผลให้เกิดเป็นก้อนเลือดเล็ก ๆ ที่มักจะไปจับติดอยู่ที่ลิ้นของหัวใจ และผนังกั้นห้องหัวใจ ก้อนเลือดเล็ก ๆ เหล่านี้จะจับตัวรวมกัน และอาจหลุดลอยเข้าไปในกระแสเลือด ก่อให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ส่งผลให้อวัยวะสำคัญที่มีการอุดตันของหลอดเลือดทำงานผิดปกติจากการขาดเลือด และอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความพิการหรือเสียชีวิตได้ เช่น หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง และหลอดเลือดปอด
                 หากมีการติดเชื้อจากกระเสเลือดไม่ว่าจะมาจากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม เช่น จากฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือร่างกายมีการติดเชื้อต่าง ๆ เชื้อนี้ก็จะไปจับที่ก้อนเลือดเล็ก ๆ เหล่านี้ที่เกาะอยู่ตามลิ้นหัวใจหรือตามผนังหัวใจ ซึ่งเมื่อหลุดลอยเข้ากระแสเลือด นอกจากจะก่อให้เกิดหลอดเลือดอุดตันแล้ว ยังก่อให้เกิดการอักเสบติดเชื้อ และเกิดฝีหนองขึ้นกับอวัยวะต่าง ๆ ได้ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะ สมอง ปอด และตับ จึงส่งผลทำให้อวัยวะขาดเลือด และการติดเชื้ออย่างรุนแรง จัดเป็นโรคที่รุนแรงและเป็นสาเหตุของความพิการ หรือการเสียชีวิตได้สูง โดยเรียกภาวะนี้ว่า โรคหัวใจอักเสบติดเชื้อ ซึ่งบางครั้งการติดเชื้อก็เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุผนังด้านในของหัวใจเอง มาจากเชื้อโรคหลายชนิด เช่น เชื้อรา ไวรัส หรือแบคทีเรีย เป็นต้น
กลุ่มเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคหัวใจติดเชื้อ
- ผู้ที่มีลิ้นหัวใจรั่วหรือลิ้นหัวใจตีบมาก่อน
- ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ
- ผู้ที่มีหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด ซึ่งจะมีลักษณะตัวเขียว และภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ
- ผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ
- ผู้ที่ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด
- ผู้ที่ใส่เครื่องมือทางการแพทย์ที่หัวใจ เช่น การใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ การใส่สายเพื่อใช้ในการล้างไต
- ผู้ที่มีฟันผุ เหงือกอักเสบบ่อยครั้ง


 

อาการของโรคหัวใจติดเชื้อ
                 อาการสำคัญ คือ มีไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและตามข้อ หน้าซีด ซูบผอม อาจมีอาการเลือดออก เช่น เลือดกำเดาไหล หรือมีจุดแดงขึ้นตามตัว ผู้ป่วยมักมีอาการซีด ซึ่งจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ หากรุนแรงอาจมีภาวะหัวใจวาย อัมพาตครึ่งซีก หรือภาวะไตวายร่วมด้วย

การตรวจวินิจฉัย
                 แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและสอบถามประวัติของคนไข้และครอบครัว โดยการวินิจฉัยโรคหัวใจขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ นอกจากการสอบถามประวัติโดยละเอียด การตรวจร่างกาย การตรวจเลือด และเอกซเรย์ทรวงอกแล้ว การทดสอบพิเศษทางหัวใจต่าง ๆ จะช่วยในการวินิจฉัย เช่น การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram) การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG หรือ EKG) เป็นต้น
การรักษาโรคหัวใจติดเชื้อ
                 การรักษาเบื้องต้นจะให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อที่ตรงกับเชื้อว่าเป็นแบบไหน เชื้อนั้นมีการดื้อยาหรือไม่ โดยใช้เวลาการรักษาประมาณ 4-6 สัปดาห์ แต่หากว่าการให้ยาปฏิชีวนะแล้วอาการไม่ดีขึ้น จะทำการอัลตราซาวด์เพื่อดูว่าก้อนเลือดที่ติดเชื้อนั้นขยายใหญ่ขึ้นหรือไม่ ซึ่งอาจจำเป็นต้องทำการรักษาด้วยการผ่าตัดนำก้อนเลือดที่ติดเชื้อนี้ออก
การดูแลตัวเองหลังการรักษาโรคหัวใจติดเชื้อ
- รับประทานยาที่แพทย์แนะนำให้ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ขาดยา
- ป้องกันควบคุมภาวะหัวใจล้มเหลว ได้แก่ ลดอาหารเค็ม รักษาควบคุมโรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่ส่งผลให้เกิดโรคของหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และเบาหวาน
- เลิกสูบบุหรี่
- ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดอาหารไขมัน แป้งและน้ำตาล
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอตามความเหมาะสม
- ลดความเครียด
                 โรคหัวใจอาจจะรักษาได้หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับอาการของคุณ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจ และควรไปพบแพทย์หากคุณมีอาการเจ็บหน้าอก หายใจถี่ เหนื่อยง่าย และตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ


ขอขอบคุณข้อมูล :  พญ.พัชรี ภาวศุทธิกุล   อายุรศาสตร์/อายุรศาสตร์โรคหัวใจ   ศูนย์หัวใจ


ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล : https://www.nakornthon.com/article/detail