ชู 'ระบบอาหารเกษตรอินทรีย์เพื่อสุขภาพชุมชน' ตั้งเป้าปี 68 ภาคเหนือไร้สารเคมี 50%

11 มี.ค 2568 15:35:55จำนวนผู้เข้าชม : 27 ครั้ง

 


ชู “ระบบอาหารเกษตรอินทรีย์เพื่อสุขภาพชุมชน” บูรณาผู้ผลิต-ร้านอาหาร-ผู้บริโภค ให้มีความรู้ในการเลือกบริโภคอาหารอย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ ตั้งเป้าปี,68 ภาคเหนือไร้สารเคมี 50%


หลังจากที่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ตัวแทนเกษตรกร ภาคีเครือข่าย เดินหน้าโครงการ Chiang Mai Greentopia : ต้นแบบการสร้างความมั่นคงทางอาหาร สู่วิถีการบริโภคอาหารอินทรีย์เพื่อสุขภาพอย่างมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนา “ระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่” ส่งเสริมให้หมุนเวียนสินค้าการเกษตรในพื้นที่ไปสู่การบริโภคที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน...


เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2568 ที่สวนผักฮักร้องขุ้ม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ศ.ดร.พวงรัตน์ แก้วล้อม อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มช. ในฐานะผู้จัดการโครงการ Chiang Mai Greentopia สสส. เปิดเผยว่า โครงการ Chiang Mai Greentopia ดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 ตามยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนนโยบายด้านอาหารเพื่อสุขภาวะของ สสส. 4 ด้าน 1. สร้างความรอบรู้ด้านอาหารเพื่อสุขภาวะ (Food Literacy) ส่งต่อความรู้ด้านอาหารเพื่อสุขภาวะให้เครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์ นำไปสู่การพัฒนาแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยในชุมชน เกิดพลเมืองอาหารและชุมชนอาหารกว่า 500 ราย 2. สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ (Food Environment) เกิดเครือข่ายตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร โรงแรม กระจายผลผลิตสู่ผู้บริโภคกว่า 200 แห่ง 3. ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจอาหารชุมชน (Food Economy) เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเอง และสร้างระบบเศรษฐกิจ สร้างรายได้ที่ยั่งยืนในภาคบริการอาหารให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากกลุ่มคนรักสุขภาพ และนักท่องเที่ยว 4. ส่งเสริมการขับเคลื่อนนโยบายด้านอาหาร (Food Policy Advocacy) ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ เปลี่ยนจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยวเป็นเกษตรผสมผสาน สร้างระบบนิเวศเกษตรไร้สารเคมีการเกษตร ลดการเผาภาคเกษตรต้นเหตุ PM2.5 เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพความปลอดภัยตามมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ PGS และมาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ. 9002-2559


นอกจากนี้ ศ.ดร.พวงรัตน์ยังกล่าวต่อไปว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้วเรามีการตรวจสอบสารเคมีตกค้างในพืชผักและในเลือดของกลุ่มคนเชียงใหม่ซึ่งพบว่ามีสารเคมีตกค้างเป็นจํานวนมากถึง 80% โดยสิ่งที่พบคือตัวสารเคมีตกค้างในพืชผัก อย่างเช่น พริก กะเพรา คะน้า ในตลาดสด ทำให้ขณะนี้คนเชียงใหม่ประมาณ 90% จะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ปลอดภัย ขณะที่กลุ่มที่อยู่ในระดับที่ปลอดภัยหรือว่าปกติมีเพียง 10% นั่นหมายความว่า 100 คนมีเพียง 10 คนที่ไม่พบมีสารเคมีตกค้าง ทั้งนี้ภายใต้ Chiang Mai Greentopia หรือเชียงใหม่เมืองสีเขียว จึงมีการบูรณาการตั้งแต่ผู้ผลิตก็คือเกษตรกรไปจนถึงร้านอาหาร และผู้บริโภค ด้วยเช่นกัน


ล่าสุดในปีที่ผ่านมา จากผลสุ่มตรวจเลือดของชาวเชียงใหม่ 400 คน ล่าสุด เมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2567 พบสารเคมีตกค้างในเลือดลดเหลือ 66% จากเดิม 90% ในปี 2565 และพบสารเคมีตกค้างในเลือดอยู่ในระดับที่ปลอดภัยเพิ่มเป็น 34% จากเดิม 10% ในปี 2565 ส่งผลให้การจัดอับดับจังหวัดที่ประชากรมีสารเคมีตกค้างในเลือดของ จ.เชียงใหม่ ลดลงมาอยู่อับดับ 4 จากเดิมสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศตรงนี้คือสิ่งที่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่เราขับเคลื่อนกันมาตลอดช่วงกําลังอยู่ในแนวทางที่ชัดเจนและสามารถส่งเสริมให้สุขภาพคนเชียงใหม่ดีขึ้นตามลําดับ


"เป้าหมายที่ได้ทําร่วมกันกับทาง สสส. สิ่งแรกคือต้องการให้คนไทยมีสุขภาพดี ซึ่งเราเริ่มที่จังหวัดเชียงใหม่ก่อน และสิ่งที่เรามุ่งเป้ามากไปกว่านั้น คือ การสร้างความรอบรู้ให้กับผู้บริโภค รวมทั้งเกษตรกร ผู้ผลิตด้วย และมากไปกว่านั้นก็คือทําอย่างไรที่สามารถบริโภคอาหารแล้วรู้จักโภชนาการ เลือกผักได้ถูกต้อง รู้โภชนาการของผักแต่ละชนิด ซึ่งตอนนี้เราไม่ได้หยุดอยู่แค่ผักปลอดภัย ผักอินทรีย์ แต่เรากําลังมองถึงผักพื้นบ้านที่มีโภชนาการที่ดีที่สมควรส่งเสริมด้วย จริงๆแล้วในแง่ของโภชนาการคนรู้จักเรื่องนี้ไม่ค่อยเยอะในการที่บอกว่ากินผักไหนแล้วปลอดภัยสุขภาพดีขึ้น...." ศ.ดร.พวงรัตน์กล่าว


สิ่งที่เรากําลังขับเคลื่อนตอนนี้จึงมุ่งหวังให้คนเชียงใหม่มีสุขภาพที่ดีขึ้น ไม่เพียงแค่มีสารเคมีตกค้างน้อยลงเท่านั้น แต่เข้าไปสู่สุขภาพที่ดี เนื่องจากการบริโภคอาหารการบริโภคผักพื้นบ้าน การบริโภคผักที่ถูกต้องตามฤดูกาล และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เราทําให้เกิดขึ้นได้นี้จะต้องสอดคล้องร่วมมือกันขับเคลื่อนตั้งแต่ผู้ปลูกต้นทาง มาจนถึงกระจายไปสู่ร้านอาหาร ไปสู่ร้านจําหน่ายผัก แล้วก็รวมไปถึงผู้บริโภคหรือลูกค้าหรือกลุ่มคนเชียงใหม่เอง ที่ควรจะมีความรอบรู้เรื่องนี้ แล้วเลือกผักที่ถูกต้องที่ส่งเสริมให้สุขภาพแข็งแรงได้ สามารถรับประทานได้แล้วมีสุขภาพดีกันถ้วนหน้า


ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าขยายผลโดยเพิ่มระดับความปลอดภัยของสารเคมีตกค้างในเลือดให้อยู่ที่ 50% ภายในปี 2568 พร้อมเร่งสร้างความตระหนักรู้ให้ข้อมูลชุมชนเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพจากมลพิษและประโยชน์ของการเกษตรอินทรีย์ และขยายผลสร้างพลเมืองอาหารและพื้นที่กระจายผลผลิตที่ปลอดภัยสู่ผู้บริโภคในพื้นที่อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

 


ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล : https://www.hfocus.org/content/2025/01/32849