เตือน! อันตรายสารระเหยไอโซบิวทิลไนไตรท์ในน้ำยาป๊อปเปอร์

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 7 ขอนแก่น ตรวจพบไอโซบิวทิลไนไตรท์ในน้ำยาป๊อปเปอร์ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มสารระเหยไนไตรท์ ตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ กำหนดให้เป็นสารที่ต้องมีการขออนุญาตนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 เผยมีการนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะกลุ่มนักเที่ยวผับและสถานบันเทิง ใช้สูดดมเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ให้เคลิบเคลิ้มหรือช่วยกระตุ้นทางเพศ เนื่องจากออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเรียบและขยายหลอดเลือด อาจจะเกิดผลเสียต่อร่างกายทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง เช่น ทำให้เกิดโรคต้อหิน ระบบทางเดินหายใจผิดปกติ เม็ดเลือดแดงผิดปกติ โลหิตจาง และรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
               นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 7 ขอนแก่น ได้ทำการตรวจพิสูจน์ตัวอย่างของกลางที่ส่งโดยสถานีตำรวจในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เพื่อหาสารเสพติดและตัวยาอื่น ๆ ประกอบด้วย ยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศผู้ชาย (ไวอากร้า) มีลักษณะเป็นเม็ดสีน้ำตาล พิมพ์ตัวเลข “800” ทั้ง 2 ด้าน อยู่ในแผงบรรจุละ 6 เม็ด บนแผงพิมพ์รูปสุนัขสีแดง ข้อความภาษาจีน จำนวน 3 ตัวอย่าง ตรวจพบซิลเดนาฟิล (Sildenafil) ซึ่งเป็นยาในกลุ่มเสริมสมรรถภาพทางเพศทุกตัวอย่าง และน้ำยาป๊อปเปอร์ (Poppers) มีลักษณะเป็นของเหลวใสสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นฉุน บรรจุในขวดสีชา ปิดฝาเกลียว ชื่อการค้าและฉลากเป็นภาษาต่างประเทศ ขนาดบรรจุประมาณ 9-10 มิลลิลิตร จำนวน 20 ตัวอย่าง ตรวจพบไอโซบิวทิลไนไตรท์ (Isobutyl nitrile) ทุกตัวอย่าง
             ป๊อปเปอร์เป็นสารระเหยถูกนำมาใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ในบางกลุ่มประชากร ใช้สูดดมเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ให้เคลิบเคลิ้มเพิ่มความสุขหรือใช้ในการช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ โดยเฉพาะกลุ่มนักเที่ยวกลางคืน ผับ บาร์ และสถานบันเทิง  รวมถึงกลุ่มชายรักชาย สำหรับไอโซบิวทิลไนไตรท์จัดอยู่ในกลุ่มสารระเหยไนไตรท์ (Volatile Nitrite) ออกฤทธิ์ทำให้เกิดการคลายตัวของหลอดเลือด (vasodilatation) และการคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบ (smooth muscle relaxation) และก่อให้เกิดความผิดปกติต่อร่างกายทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง โดยหากสูดดมต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะมีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง จากฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ได้แก่ ปวดศีรษะ หน้ามืด เป็นลม วูบวาบตามตัว ใจสั่น หรือบางรายส่งผลต่อระบบสายตา ทำให้มีการมองเห็นไม่ชัดเจน และอาจสูญเสียการได้ยิน ส่วนอาการรุนแรง ได้แก่ หายใจไม่ออก กล้ามเนื้ออ่อนแรง และหากสูดดมต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะทำให้ระบบทางเดินหายใจผิดปกติ เซลล์ขาดออกซิเจน นอกจากนี้ ยังพบอาการบริเวณที่สัมผัส เช่น ขอบจมูกอาจมีรอยไหม้แดง หากกรดโดนผิวหนังหรือกระเด็นเข้าตาก็อาจเกิดอาการแสบร้อนหรือไหม้ได้ และความเป็นพิษระยะยาวนั้นมีรายงานว่า ไอโซบิวทิลไนไตรท์อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ โดยมีการศึกษาในสัตว์ทดลองและมนุษย์ พบว่า ทำให้ปอดอักเสบ ภาวะซีด ลูคีเมีย พิษต่อตับ การกดไขกระดูก มีผลต่อภาวะซึมเศร้า และหากใช้ร่วมกับยากลุ่มฟอสโฟไดเอสเทอเรส-5 (พีดีอี-5) (Phosphodiesterase-5 ; PDE-5) ซึ่งเป็นยารักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ จะทำให้เกิดการเสริมฤทธิ์ขยายหลอดเลือดอย่างมาก เกิดความดันเลือดต่ำอย่างรุนแรง และอาจเสียชีวิตได้
           อย่างไรก็ตาม  ไอโซบิวทิลไนไตรท์ ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ กำหนดให้เป็นสารที่ต้องมีการขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2557 การตรวจพบไอโซบิวทิลไนไตรท์ร่วมกับยาในกลุ่มเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ (ไวอากร้า) ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน และพบว่ามีการนำมาใช้กับกลุ่มนักศึกษา นักเที่ยวผับ สถานบันเทิงต่าง ๆ และมีการซื้อขายได้อย่างแพร่หลายในสังคมออนไลน์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ สังคม และความมั่นคงของประเทศ ทั้งนี้ ได้รายงานให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อร่วมมือและป้องกันไม่ให้มีการนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม แจ้งเตือนภัยอันตรายให้ประชาชนได้รู้และเข้าใจ และช่วยกันเป็นหูเป็นตาเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังและกวดขันดูแลอย่างเข้มแข็งและเพื่อลดปัญหาดังกล่าว