1 ก.พ. นี้ เริ่มฉีดวัคซีนเด็ก 5-12 ปี

นายกฯ ติดตามการฉีดวัคซีนเด็ก ห่วงกลุ่มนักเรียน สั่งคุมการแพร่ระบาดโควิดในสถานศึกษา ขณะที่ ศธ. และ สธ. จะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้เด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้
          นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งไทยสามารถรับมือการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ดีขึ้นจนเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ และสัดส่วนการฉีดวัคซีนของประชากรก็เพิ่มขึ้น ขณะนี้ไทยยังมีความพร้อมฉีดวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี ในประเทศไทย โดยลอตแรกได้มาถึงประเทศไทยแล้ว เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2565 ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการให้การบริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์แก่เด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี หรือ 11 ปี 11 เดือน 29 วัน คาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ในวันที่ 1 ก.พ. นี้ และเข็มที่ 2 จะฉีดในวันที่ 26 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป
          โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงนักเรียนและเด็กเล็ก กำชับการควบคุมการแพร่ระบาดในสถานศึกษา ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่ม อาทิ การจัดแข่งขันกีฬา ปัจฉิมนิเทศ มีการรับประทานอาหารร่วมกันในลักษณะเดียวกับคลัสเตอร์งานเลี้ยงอื่น ๆ จึงกำชับให้ทุกสถานศึกษาปฏิบัติมาตรการสถานศึกษาปลอดโควิด-19 ประกอบด้วย 6 มาตรการหลัก 6 มาตรการเสริม และ 7 มาตรการเข้มงวด ได้แก่ การเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย การคัดกรองวัดไข้ การลดความแออัด และการทำความสะอาด 6 มาตรการเสริม ได้แก่ การดูแลตนเอง การใช้ช้อนกลางส่วนตัว การกินอาหารปรุงสุกใหม่ การลงทะเบียนเข้าออก การสำรวจตรวจสอบด้วยแบบสอบถาม และการกักกันตัวเอง และ 7 มาตรการเข้มงวด ได้แก่ ประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน Thai Stop Covid Plus และรายงานผลอย่างต่อเนื่อง การทำกิจกรรมแบบกลุ่มย่อย (Small Bubble) รวมทั้งเตรียมแผนเผชิญเหตุซักซ้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ ในกรณีพบผู้ติดเชื้อสามารถจัดให้มีระบบ School Isolation และดูแลการเดินทางของนักเรียนในรูปแบบ Seal Route เพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กนักเรียน ครูและบุคลากรในโรงเรียนทุกคนด้วย
          สำหรับประเทศไทยวันนี้ (30 ม.ค. 2565) พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม รวม 8,444 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 8,208 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 236 ราย ทำให้ผู้ป่วยสะสม 209,099 ราย (ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565) ทั้งนี้  หายป่วยเพิ่มกลับบ้านแล้ว 7,829 ราย รวมหายป่วยสะสม 157,341 ราย (ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565) โดยมีผู้ป่วยกำลังรักษา 84,542 ราย และเสียชีวิต 12 ราย ขณะที่การฉีดวัคซีนโควิด-19 สะสมตั้งแต่ 28 ก.พ. 2564 - 28 ม.ค. 2565 รวม 114,577,194 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 52,266,677 ราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 48,532,214 ราย และจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 13,778,303 ราย.


ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ไทยรัฐออนไลน์