การเสริมอาหารด้วยวิตามินดี น้ำมันปลา และการออกกำลังกายที่ใช้แรงต้านเป็นทางเลือกที่จูงใจจากประโยชน์ที่มีต่อสุขภาพมานานแล้ว แต่สำหรับผู้สูงวัยที่สุขภาพดี สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยเสริมสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ หรือป้องกันกระดูกหัก คณะผู้วิจัยสวิสรายงาน
คณะผู้วิจัยได้ติดตามผู้สูงวัยทั้งชายและหญิงมากกว่า 2,100 คน (อายุเฉลี่ย 74 ปี) ซึ่งได้รับการสุ่มให้เข้าโปรแกรมที่มีแผนกิจกรรมเพื่อสุขภาพตั้งแต่ 1 ถึง 3 รายการ
บทสรุป: “ผลการศึกษาแสดงว่า การเพิ่มวิตามินดีและโอเมก้า 3 (น้ำมันปลา) ในผู้สูงวัยอายุ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งสุขภาพดีไม่มีอาการเจ็บป่วยมาก่อน ไม่ได้ให้ประโยชน์สำหรับความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกหักในส่วนที่ไม่ใช่กระดูกสันหลัง หรือเป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ของกล้ามเนื้อและความจำ” Dr. Heike Bischoff-Ferrari หัวหน้าหน่วยวิจัยเวชศาสตร์ผู้สูงอายุและความชราที่ University Hospital Zurich กล่าว
การวิเคราะห์แสดงว่า การรับประทานน้ำมันปลาวันละ 1 กรัม ลดการติดเชื้อโดยรวมในผู้สูงวัยได้ร้อยละ 11 และยังลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเฉพาะบางชนิดได้มากขึ้น ได้แก่ ลดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นอาการป่วยที่พบได้ทั่วไปในประชากรสูงอายุลงได้มากถึงร้อยละ 62
แม้ความเสี่ยงต่อกระดูกหักจะไม่ดีขึ้น แต่ผู้เข้าร่วมการศึกษาที่ได้รับวิตามินดี 2000 IUs ทุกวัน มีความดันโลหิตตัวบนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ Dr.Bischoff-Ferrari กล่าว การเสริมด้วยวิตามินดียังมีความสัมพันธ์กับการลดลงของความเสี่ยงต่อการติดเชื้อร้อยละ 16 ในกลุ่มผู้สูงวัยอายุ 70-74 ปี
คณะผู้วิจัยยังทดสอบผลกระทบของการออกกำลังกาย 2 แผน คือ โปรแกรมออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อ (strength-training) และ “โปรแกรมออกกำลังกายควบคุมความสนใจ” เพื่อความยืดหยุ่นของข้อต่อ แต่ละโปรแกรมเป็นการออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ผู้เข้าร่วมการศึกษาบางคนมีการออกกำลังกายหรือรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ขณะที่บางคนทำทั้ง 2 อย่างรวมกัน
สำหรับผู้เข้าร่วมการศึกษาที่ไม่มีปัญหาสุขภาพมาก่อน คณะผู้วิจัยพบว่า ไม่ได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติจากโปรแกรมดังกล่าว ผู้เข้าร่วมการศึกษาส่วนใหญ่มีสุขภาพที่ดีมากเมื่อตอนเริ่มเข้าร่วมโครงการ ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดต่อโอกาสที่จะได้รับประโยชน์มากขึ้น
“กว่าร้อยละ 80 มีการเคลื่อนไหวร่างกายตั้งแต่ระดับปานกลางถึงดีมาก และประมาณครึ่งหนึ่งเป็นผู้สูงวัยที่สุขภาพดีไม่มีอาการเจ็บป่วย” Dr.Bischoff-Ferrari กล่าวและว่า “ในความเป็นจริงในช่วงระยะเวลา 3 ปี ผู้เข้าร่วมการศึกษาทุกคนมีความดันโลหิต การทำหน้าที่ด้านความรู้ความเข้าใจ และการทำหน้าที่ของรยางค์ส่วนล่างดีขึ้น
อีกปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอาจจะเป็นปริมาณของการเสริมอาหารประจำวันที่มีการทดสอบ Lona Sandon ผู้อำนวยการโภชนาการคลินิกที่ Medical Center แห่ง University of Texas Southwestern ในดัลลัส ซึ่งทบทวนผลการค้นพบนี้ กล่าว
“หนึ่งในความคิดแรก ๆ ที่มีต่อการศึกษาครั้งนี้ คือ ขนาดของการเสริมสุขภาพเพียงพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ Sandon กล่าว
“ขนาดของวิตามินดีเพียง 2,000 IUs (ซึ่ง) ถือว่าเป็นเพดานจำกัดในปัจจุบันสำหรับวิตามินดี อย่างไรก็ตาม มีการโต้แย้งทางวิทยาศาสตร์อย่างมากว่าวิตามินดีขนาดไหนถึงจะเป็นขีดจำกัดเพดานและจำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงระดับของเลือด และเราได้รับวิตามินดีจากแสงแดดมากกว่านี้”
ขนาดของน้ำมันปลายังค่อนข้างต่ำ Sandon ให้ข้อสังเกต การศึกษาซึ่งแสดงถึงประโยชน์อย่างเช่นลดการอักเสบจะใช้ขนาดมากกว่านี้ และการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อยังต่ำกว่าข้อแนะนำในปัจจุบันที่บอกให้ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง เธอกล่าวเพิ่มเติม
“เพียงประมาณ 2 ใน 3 ของผู้เข้าร่วมการศึกษาที่บอกว่าออกกำลังกายถึง 30 นาที 3 วันต่อสัปดาห์” Sandon ชี้ให้เห็นและว่า ผลลัพธ์ดังกล่าวไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอะไรเลย
เธอสรุปว่า “การได้รับวิตามินดีเพียงพอจากอาหารและแสงแดดให้ผลดีต่อตัวเราและเป็นสิ่งจำเป็น”
Sandon บอกว่า “โอเมก้า-3 เป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกายและการทำหน้าที่ต่าง ๆ ของร่างกายอย่างเหมาะสมด้วย การออกกำลังกายช่วยการทำหน้าที่ทางกายภาพและจิตใจของเราดีขึ้น ทุกคนไม่ควรหยุดการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและเคลื่อนไหวร่างกายสม่ำเสมอ”
ผลการค้นพบนี้ได้รับการเผยแพร่ใน Journal of the American Medical Association