พบยาปฏิชีวนะกลุ่มใหม่ในดิน

BBC News

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบยาปฏิชีวนะกลุ่มใหม่ในตัวอย่างดิน  เชื่อจะสามารถใช้ส่วนประกอบที่ได้จากธรรมชาติต่อสู้กับการติดเชื้อที่รักษาได้ยาก
          การทดสอบแสดงให้เห็นว่า สารประกอบที่เรียกว่า malacidins สามารถกำจัดโรคต่าง ๆ หลายโรคที่เกิดจากแบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะส่วนใหญ่ในเวลานี้ รวมทั้งซุปเปอร์บัก Methicillin-Resistant Staphylococcus Aureus  (MRSA)
          ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า งานวิจัยที่เผยแพร่ใน Nature Microbiology ให้ความหวังใหม่ในการแข่งขันเรื่องค้นคว้ายาปฏิชีวนะ
          โรคที่ดื้อยาเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุดต่อสุขภาพของประชากรทั่วโลก  โรคกลุ่มนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ  700,000 คนต่อปี และจำเป็นต้องได้ยารักษาชนิดใหม่อย่างเร่งด่วน


ยาจากดิน
          ดินอุดมไปด้วยจุลชีพหลายล้านชนิดที่ผลิตสารประกอบมากมายซึ่งมีศักยภาพในการบำบัดโรค รวมทั้งผลิตยาปฏิชีวนะด้วย
          คณะทำงานของ Dr. Sean Brady ที่ Rockefeller University แห่งนิวยอร์ก ทำงานหนักอยู่กับการค้นหาจุลชีพเหล่านี้มาตลอด  โดยใช้เทคนิคลำดับยีนในการวิเคราะห์ตัวอย่างดินมากกว่า 1,000 ตัวอย่าง ที่นำมาจากทั่วสหรัฐอเมริกา  เมื่อได้ค้นพบ malacidins ในหลาย ๆ ตัวอย่าง คณะผู้วิจัยจึงเชื่อว่าเป็นการค้นพบที่สำคัญ
          คณะผู้วิจัยได้ทดสอบสารประกอบนี้กับหนูที่ได้รับ MRSA และสารนี้กำจัดการติดเชื้อที่แผลผิวหนังได้
          ขณะนี้คณะผู้วิจัยกำลังทำงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของยาด้วยความหวังว่าจะสามารถพัฒนาให้เป็นยารักษาโรคสำหรับประชาชนได้จริง
          Dr. Brady กล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดว่าเมื่อไร หรือแม้แต่จะบอกว่าการค้นพบยาปฏิชีวนะขั้นแรกอย่าง malacidins จะผ่านกระบวนการไปถึงขั้นคลินิกได้
          “เป็นเส้นทางที่ยาวไกลและแสนยากลำบากนับจากการค้นพบยาปฏิชีวนะนี้ครั้งแรกจนถึงการใช้ยาในคลินิก”
          Prof. Colin Garner จาก Antibiotic Research UK กล่าวว่า การค้นพบยาปฏิชีวนะชนิดใหม่เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกอย่าง MRSA เป็นข่าวดี แต่คงไม่ได้แก้ไขปัญหาที่กดดันมากที่สุด
          “สิ่งที่เรากังวล คือ แบคทีเรียแกรมลบซึ่งรักษาได้ยากและการดื้อยาที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”
          “แบคทีเรียแกรมลบเป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบ การติดเชื้อในเลือดและทางเดินปัสสาวะ เช่นเดียวกับการติดเชื้อที่ผิวหนัง เราจำเป็นต้องมียาปฏิชีวนะชนิดใหม่เพื่อรักษาโรคกลุ่มนี้”