www.medpagetoday.com, www.contagionlive.com, www.medscape.com: เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 Mycovia Pharmaceuticals แจ้งว่า สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration) หรือ FDA ได้ให้การรับรอง oteseconazole (Vivjoa) ยารับประทานในรูป capsule สำหรับรักษาโรคติดเชื้อราเรื้อรัง/ซ้ำซากในช่องคลอด (recurrent vulvovaginal candidiasis, RVVC) โดย oteseconazole นับเป็นยาตัวแรกและตัวเดียวนั้นในปัจจุบันที่ได้รับการรับรองจาก FDA สำหรับรักษาภาวะติดเชื้อราเรื้อรัง/ซ้ำซาก
Oteseconazole เป็นยาต้านเชื้อราชนิดรับประทานที่ออกฤทธิ์ยับยั้ง CYP51 ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่จำเป็นต่อความสมบูรณ์ของผนังเซลล์เชื้อราและการเจริญเติบโตของเชื้อรา ดังนั้น การยับยั้งเอนไซม์ CYP51 จึงเท่ากับยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา โดยภาวะติดเชื้อราเรื้อรัง/ซ้ำซากในช่องคลอดตามนิยามของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention หรือ CDC) ก็คือ การมีอาการของภาวะติดเชื้อราในช่องคลอดตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป ใน 12 เดือน ซึ่งอาการต่าง ๆ ได้แก่ คันช่องคลอด แสบร้อนช่องคลอด ระคายเคืองช่องคลอด และช่องคลอดอักเสบ
ข้อบ่งใช้ของ oteseconazole (150 mg per capsule) ที่ได้รับการรับรองจาก FDA ก็คือ เพื่อลดอุบัติการณ์ของภาวะติดเชื้อราเรื้อรัง/ซ้ำซากในช่องคลอดในสตรีที่มีประวัติของภาวะติดเชื้อราเรื้อรัง/ซ้ำซากในช่องคลอด และไม่ได้วางแผนที่จะตั้งครรภ์หรือกำลังอยู่ระหว่างการให้นมบุตร
ข้อมูลด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ oteseconazole ที่ FDA ใช้ประกอบการพิจารณาให้การรับรองยาต้านเชื้อราตัวนี้ ประกอบด้วย ผลลัพธ์จาก 3 การศึกษาทางคลินิกในระยะที่ 3 ได้แก่ global VIOLET 2 การศึกษา และอีก 1 การศึกษา คือ ultraVIOLET study ที่ทำเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้ป่วยภาวะติดเชื้อราเรื้อรัง/ซ้ำซากในช่องคลอด จำนวน 875 คน จาก 11 ประเทศเข้าร่วม โดยผลลัพธ์โดยรวมของ global VIOLET studies พบว่า 93.3% และ 96.1% ของกลุ่มสตรีที่มีประวัติภาวะติดเชื้อราเรื้อรังในช่องคลอดและได้รับการรักษาด้วย oteseconazole ไม่มีการเกิดซ้ำของภาวะติดเชื้อราเรื้อรังในช่องคลอดตลอดช่วง 48 สัปดาห์ ที่เป็น maintenance period เทียบกับ 57.2% และ 60.6% ของกลุ่มสตรีที่ได้รับยาหลอก ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001)
ขณะที่ผลลัพธ์ของ ultraVIOLET study พบว่า 89.7% ของกลุ่มสตรีที่มีประวัติภาวะติดเชื้อราเรื้อรังในช่องคลอดและได้รับการรักษาด้วย oteseconazole สามารถกำจัดภาวการณ์ติดเชื้อราในช่องคลอดที่มีอยู่ได้อย่างสมบูรณ์และไม่มีการเกิดซ้ำของภาวะติดเชื้อราในช่องคลอดตลอดช่วง 50 สัปดาห์ ที่เป็น maintenance period เทียบกับ 57.1% ของกลุ่มสตรีที่ได้รับยาหลอก ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001)
สำหรับผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ที่มีรายงานพบได้บ่อยใน 3 การศึกษาทางคลินิกในระยะที่ 3 ของ oteseconazole ในกลุ่มสตรีที่มีประวัติภาวะติดเชื้อราเรื้อรัง/ซ้ำซากในช่องคลอด ได้แก่ ปวดศีรษะ (7.4%) และคลื่นไส้ (3.6%)