Pombiliti (cipaglucosidase alfa-agta) เป็นยารักษาโรคปอมเปย์ (Pompe disease) แบบฉีดเข้าเส้นเลือดที่ระบุให้ใช้ร่วมกับ Opfolda (miglustat) ซึ่งเป็นยารักษาโรคปอมเปย์เช่นกันแต่เป็นชนิดรับประทาน เรียกว่า สูตร Pombiliti + Opfolda โดยให้ Opfolda ก่อนการฉีด Pombiliti 1 ชั่วโมง สัปดาห์เว้นสัปดาห์
ปอมเปย์เป็นโรคอันตรายถึงชีวิต ที่เป็นภาวะทางพันธุกรรมทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งเกิดจากการขาดเอนไซม์ lysosomal acid alpha-glucosidase (GAA) ที่ร่างกายใช้ในการย่อยสลายโมเลกุลขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า ไกลโคเจน (glycogen) จึงเกิดการสะสมของไกลโคเจนในเซลล์กล้ามเนื้อและทำลายกล้ามเนื้อในที่สุด
ทั้งนี้ ปอมเปย์สามารถเกิดได้ในทุกช่วงวัย ตั้งแต่ทารกจนถึงผู้ใหญ่ โดยอาการขึ้นอยู่กับปริมาณเอนไซม์ที่ร่างกายสร้างได้ ในรายที่เอนไซม์น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ และมีอาการรุนแรง จะมีภาวะหัวใจโต ตับโต กล้ามเนื้ออ่อนแรง และหากผู้ป่วยเป็นทารกหัวใจโตมักจะนำไปสู่ภาวะหัวใจวายและเสียชีวิตในขวบปีแรก ในรายที่มีเอนไซม์ 1-40 เปอร์เซ็นต์ อาการที่แสดงเด่นชัด คือ กล้ามเนื้อแขน-ขาอ่อนแรง หายใจลำบาก และมักพบในช่วงอายุที่มากขึ้น (late-onset Pompe: LOPD) หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม จะทำให้อาการของระบบทางเดินหายใจรุนแรงถึงชีวิต
ดังนั้น เราจะพูดถึงยา 2 ตัว Pombiliti และ Opfolda ที่ FDA อนุมัติวันเดียวกันในปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา
Pombiliti เป็นยาฉีดเข้ากระแสเลือดดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เป็นแหล่งเอนไซม์ GAA ที่ร่างกายไม่ได้สร้างขึ้นเอง มีกลไกเข้าไปจับกับตัวรับ (receptors) ของเซลล์กล้ามเนื้อและถูกลำเลียงไปยังไลโซโซม (lysosome) ซึ่งเป็นถุงที่บรรจุเอนไซม์ที่ทำงานย่อยสลายภายในเซลล์ นั่นหมายถึง Pombiliti ไปกระตุ้นให้เอนไซม์ GAA ย่อยสลายไกลโคเจน ทำให้ลดความเข้มข้น หรือการสะสมของไกลโคเจนในกล้ามเนื้อลง
ส่วน Opfolda นั้นเป็นยาแคปซูลรับประทาน ใช้รักษาผู้ป่วย LOPD ด้วยการคงสมดุลของเอนไซม์ จึงเป็นตัวเสริมประสิทธิภาพการทำงานของ Pombiliti ด้วยการปกป้อง Pombiliti ในกระแสเลือด หรือช่วยลำเลียง Pombiliti ไปให้ถึงเซลล์กล้ามเนื้อ เมื่อนั้น Pombiliti จะถูกดูดซับเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อและเปลี่ยนเป็นเอนไซม์GAA ย่อยสลายไกลโคเจน
หากรักษาโดยไม่ใช้ Opfolda ร่วม Pombiliti จะเฉื่อยเมื่อฉีดเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง
ด้านผลข้างเคียงของยานั้น ระบุว่า ห้ามใช้ Pombiliti + Opfolda ในสตรีมีครรภ์
ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแพ้ Pombiliti และ Opfolda อย่างรุนแรงระหว่างการฉีดยาหรือหลังจากฉีดยาไปเพียงสักครู่ อาการแพ้เป็นได้ทั้งอาการคัน ผื่นแดง ปวดศีรษะรุนแรง วิงเวียน หัวใจเต้นช้าหรือเร็วกว่าปกติ หายใจเสียงหวีด หายใจลำบาก เพลีย มีไข้ ซึ่งหากเกิดอาการเหล่านี้ต้องหยุดยาทันที
ทั้งนี้ การอนุมัติของ FDA พิจารณาจากผลการทดลอง Phase 3 PROPEL ร่วมกับข้อมูลของการทดลองเพิ่มเติมที่ยังคงดำเนินอยู่ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นปลายปีนี้
PROPEL ทดลองความปลอดภัยและประสิทธิภาพของ Pombiliti + Opfolda กับผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่ จำนวน 123 คน จากจุดทดลองทั่วโลก 62 จุด โดยเปรียบเทียบกับ Alglucosidase alfa ซึ่งเป็นยารักษาโรคปอมเปย์ของอีกบริษัท ผลการทดลองพบว่า Pombiliti + Opfolda ให้ผลการรักษาดีกว่า Alglucosidase alfa อย่างเห็นได้ชัด โดยดูจากตัววัดว่า ในเวลา 6 นาที ผู้ป่วยเดินได้ไกลเพียงใด และการทำงานของปอด
ส่วนการทดลองเพิ่มเติมที่ยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้ก็ให้ผลการรักษาด้วย Pombiliti + Opfolda ออกมาในทิศทางเดียวกับ PROPEL
ข้อมูล:
https://www.drugs.com/pombiliti.html