นักวิจัยของ University College London (UCL) พบว่า ยาที่ใช้ในภูมิคุ้มกันบำบัดแบบใหม่สำหรับการรักษาอาการอัลไซเมอร์ทำให้สมองหดตัวมากขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้เกิดการสูญเสียเซลล์ประสาทหรือเนื้อเยื่อสมอง
การสูญเสียปริมาตรสมองที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันแบบใหม่สำหรับโรคอัลไซเมอร์ อาจเกิดจากการกำจัดแผ่นอะไมลอยด์ออกมากกว่าการสูญเสียเซลล์ประสาทหรือเนื้อเยื่อสมอง
Christopher Belder ศัลยแพทย์ระบบประสาทจาก UCL และเพื่อนร่วมงานพบว่า ผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอะไมลอยด์ จะมีระดับการสูญเสียปริมาตรสมองเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากสารโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและจับตัวกันมากเกินไปในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ ทำให้หลอดเลือดสมองอุดตันจากการกำจัดแผ่นอะไมลอยด์ออกจากสมองของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์
ในการทดลองรักษาโรคอัลไซเมอร์ 12 แบบที่แตกต่างกันนี้ มีเป้าหมายที่โปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ คราบจุลินทรีย์ที่เกิดขึ้นอาจขึ้นอยู่กับโมเลกุลที่อยู่รอบๆ ซึ่งมีสภาพแวดล้อมของโปรตีนร่วมกัน ทีมนักวิจัยพบว่า การสูญเสียปริมาตรสมองมากขึ้นจากการรักษาด้วยวิธีลดระดับโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ ระดับการสูญเสียปริมาตรยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับเบต้า-อะไมลอยด์ แต่ทีมวิจัยจำเป็นต้องดำเนินการทดลองทางคลินิกต่อไป เพื่อศึกษาถึงการเปลี่ยนแปลงของปริมาตรสมองว่าเป็นสัญญาณอันตรายในระยะยาวหรือไม่
ข้อมูลจาก :
https://neurosciencenews.com/alzheimers-drug-brain-shrikage-28137/
https://www.sciencealert.com/a-new-alzheimers-drug-shrinks-the-brain-scientists-say-thats-the-point