opioids และยาเสพติดอื่นเป็นอันตรายกระทั่งเด็กวัยหัดเดิน

Dennis Thompson, HealthDay Reporter

เหยื่อที่อายุน้อยที่สุดของวิกฤติการณ์ยาเสพติดในสหรัฐอเมริกาไม่ใช่วัยรุ่นที่ถูกยั่วยุด้วยยาสูบ กัญชา และยาเม็ด แต่เป็นเด็กวัยหัดเดินและวัยก่อนเข้าเรียนหลายหมื่นคนซึ่งได้รับพิษโดยบังเอิญ เมื่อเด็กไปเจอเข้ากับยาที่พ่อแม่หรือพี่ๆ ซ่อนไว้
     รายงานฉบับใหม่จาก National Center on Addiction and Substance Abuse สหรัฐอเมริกา พบว่า ในปี 2016 ศูนย์ควบคุมสารพิษหลายแห่งได้รับรายงานเด็กอายุไม่เกิน 5 ปีจำนวน 30,250 คนป่วยด้วยสารเสพติดหลายชนิด สารทุกชนิดมีทั้งที่มาจากยาสูบและบุหรี่ไฟฟ้าจนถึงกัญชาและpk opioid ซึ่งเป็นยาที่ควบคุมตามใบสั่งยา
    “เราคิดว่า นี่เป็นปัญหาที่ถูกมองข้ามเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเราคิดและพูดถึงปัญหาสารเสพติดและการเสพติดในประเทศของเรา” Linda Richter ผู้นำการวิจัยและผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและวิเคราะห์นโยบายที่ National Center on Addiction and Substance Abuse กล่าว
    สัญญาณทั้งหมดต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่า เด็กอ่อนที่ถูกพิษโดยบังเอิญจากผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผ่อนคลายให้ความสุขของพ่อแม่มีจำนวนเพิ่มขึ้น
    • โทรศัพท์ที่มายังศูนย์ควบคุมสารพิษเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 1,400 แค่ระยะเวลาเพียง 3 ปี  ครึ่งหนึ่งของโทรศัพท์ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าและร้อยละ 95 เกี่ยวข้องกับบุหรี่ยาสูบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
    • จำนวนเด็กอ่อนที่สัมผัสกับอัลกอฮอลเพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2012  เด็กที่อายุไม่เกิน 5 ปีมีถึงประมาณ 1 รายในทุก 4 สายที่โทรเข้ามาถึงศูนย์สารพิษจะเกี่ยวกับอัลกอฮอล
    • อัตราการสัมผัสกับกัญชาในเด็กอ่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 148 ในระยะเวลา 8 ปี  เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีมีอยู่ร้อยละ 78 ของจำนวนสายที่โทรมายังศูนย์สารพิษ ส่วนใหญ่มักมาจากการกินกัญชาเข้าไป
    • การสัมผัสกับยา opioids เพิ่มขึ้นร้อยละ 93 ในแต่ละปีเป็นเวลา 9 ปี ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับการแพร่ขยายตัวของยา opioid     ในสหรัฐอเมิรกา  ประมาณครึ่งหนึ่งของเด็กอ่อนที่มาแผนกฉุกเฉินอายุไม่เกิน 5 ปีมีความเชื่อมโยงกับการสัมผัสกับยาที่ควบคุมตามใบสั่งยา  มียาในกลุ่ม opioids อย่างยา Oxycontin และ Vicodin และยาในกลุ่ม benzodiazepines อย่างเช่น Xanax ที่พบกันทั่วไป
    “กล่าวโดยทั่วไป อัตราส่วนเหล่านี้กำลังทะยานเพิ่มขึ้น”  Richter กล่าวและว่า สิ่งที่น่ากังวล คือ ความรุนแรงของผลลัพธ์ดูจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน”
    อาการชัก โคม่า และแม้แต่การเสียชีวิตอาจเกิดขึ้นกับเด็กที่ได้รับพิษจากสารเสพติด โดยเฉพาะผู้ที่สัมผัสกับยา opioids แม้แต่ของอย่างบุหรี่ไฟฟ้าสามารถก่ออันตรายถึงชีวิตได้  เดือนธันวาคม 2014 เด็กวัยหัดเดินคนหนึ่งในนิวยอร์กฝั่งเหนือเสียชีวิตหลังจากกลืนนิโคตินเหลวจากบุหรี่ไฟฟ้า รายงานกล่าว
    และยังมีผลกระทบที่รุนแรงพร้อมๆ กับผลลัพธ์ที่อาจดูน่ากลัวน้อยกว่า เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน และความงุนงงสับสน เป็นผลที่เกิดขึ้นทันที  ผู้เชี่ยวชาญกล่าวเพิ่มเติม
    ไม่มีใครรู้ว่าสมองของเด็กอ่อนที่กำลังเติบโตได้รับผลกระทบอย่างไร Harshal Kirane ผู้อำนวยการฝ่ายบริการด้านการเสพติดที่ Staten Island University Hospital ในนครนิวยอร์กกล่าว
    “เด็กมีความอ่อนไหวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมองซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนของพัฒนาการที่สำคัญ ทั้งบุคลิกภาพและจิตใจกำลังประสานกันและอยู่ระหว่างการพัฒนา” Kirane กล่าวว่า “การสัมผัสกับสารเหล่านี้สามารถก่อนให้เกิดผลที่คาดไม่ถึงได้ ซึ่งเราเพิ่งจะเริ่มเข้าใจ”
    ส่วนหนึ่งของปัญหาคือ พ่อแม่ไม่ได้ทำให้ถูกต้องเพื่อเก็บสารเสพติดทั้งหลายให้ห่างจากมือของเด็ก Dr. Scott Krakower ผู้ช่วยหัวหน้าหน่วยจิตเวชที่ Zucker Hillside Hospital ใน Glen Oaks นิวยอร์ก กล่าว
    นอกเหนือไปจากใบสั่งยาหรือยาต้องห้ามซึ่งรวมไปถึงยาสูบ บุหรี่ไฟฟ้า และอัลกอฮอล Dr. Krakower บอก
    “เราไม่ต้องการทิ้งยาไว้ให้เด็ก และด้วยเหตุผลเดียวกันเราไม่ต้องการทิ้งบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กเช่นกัน”
    พ่อแม่จะต้องเผื่อความยืดหยุ่นสำหรับการเก็บซ่อนผลิตภัณฑ์เสพติดด้วย Richter กล่าวเพิ่มเติม
    “สิ่งที่อาจจะดูเหมือนเอื้อไม่ถึง และมองไม่เห็นในวันใดวันหนึ่ง ทันใดนั้นวันต่อไปเด็กอาจปีนขึ้นไปและเข้าถึงได้” เธออธิบาย
ส่วนหนึ่งของปัญหาคือ ผู้ผลิตทำผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่สนใจของเด็กเล็ก Richter กล่าว
    บุหรี่ไฟฟ้าบรรจุด้วยดีไซน์ที่เป็นสีและมีรสชาติดี การผสมเครื่องดื่มอัลกอฮอลด้วยกลิ่นผลไม้และขายในกระป๋องที่เหมือนกับโซดาและน้ำผลไม้ เธอกล่าว
    แนวโน้มที่เป็นปัญหารบกวนมากที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากกัญชาในรัฐที่มีกฎหมายให้ใช้เพื่อนันทนาการหรือการแพทย์ Richter กล่าว ร้านยาขายกัญชาที่กินได้ในรูปแบบที่ดึงดูดความสนใจของเด็กอ่อนอย่างมาก เช่น คุกกี้ บราวนี่ และลูกอม เช่น หนอนยักษ์น่าอร่อย เป็นต้น
    "เขาผลิตให้ดูเหมือนลูกอมที่เด็กๆ ชอบ”
    เจ้าหน้าที่มาจากการเลือกตั้งและผู้จัดทำนโยบายควรพิจารณาขั้นตอนในการเข้มงวดการควบคุมผลิตภัณฑ์เหล่านี้และทำให้มันน่าสนใจน้อยลงสำหรับเด็กๆ  Richter กล่าว
    ณ เวลานี้ พ่อแม่สามารถป้องกันลูกได้ด้วยแนวทางดังนี้
    • เก็บสารเสพติดไม่ให้เด็กเห็นและเข้าถึงได้ และเก็บยาในบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เป็นที่สนใจของเด็ก
    • จำกัดผลิตภัณฑ์เสพติดที่อยู่ในบ้านของคุณ ด้วยการกำจัดผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องการออกไป
    • คืนยาที่ควบคุมตามใบสั่งยาซึ่งไม่ได้ใช้แล้วให้กับร้านยาหรือโรงพยาบาล
    • ทำเป็นตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ตัวอย่างเช่น งดเว้นจากการใช้ยาสูบ บุหรี่ไฟฟ้า หรือกัญชา เพราะการสัมผัสแบบมือสอจะมีผลกระทบกับเด็กได้
    “ครอบครัวไม่ได้ตระหนักอยู่เสมอว่า แม้การสัมผัสกับสารเหล่านี้แบบมือสองสามารถส่งผลกระทบที่เสียหายให้กับเด็กที่กำลังเติบโตได้” Dr. Krakower กล่าว