การศึกษาขนาดใหญ่พบการบริโภคยาปฏิชีวนะทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
การศึกษาครั้งใหม่ระหว่างปี 2000 ถึง 2005 พบว่าการบริโภคยาปฏิชีวนะพุ่งสูงก้าวกระโดดถึงร้อยละ 65 คณะผู้วิจัยนานาชาติได้ศึกษาข้อมูลที่รวบรวมจาก 76 ประเทศ พบว่า ในขณะที่การใช้ยาปฏิชีวะนเพิ่มขึ้นในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง การบริโภคในประเทศที่มีรายได้สูงอยู่ในระดับคงที่แต่การบริโภคต่อหัวยังสูงกว่าในประเทศรายได้ต่ำและปานกลางอย่างมาก
การใช้ยาปฏิชีวนะเพิ่มขึ้นสูงมากนั้นไม่ใช่เพียงแค่มีความสัมพันธ์กับการเติบโตของประชากรโดยรวม แต่ยังสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นทางเศรษฐกิจและการเป็นชุมชนเมืองในประเทศรายได้ต่ำและปานกลางอีกด้วย ประเทศเหล่านี้เพิ่มการใช้ยาปฏิชีวนะทั้งหมดร้อยละ 114 ในเวลากว่า 15 ปี
การแก้ปัญหาที่ศึกษาพบนี้ต้องใช้กลยุทธ์สองด้าน คือ จำเป็นต้องลดอัตราการบริโภคโดยรวมลงในประเทศที่ร่ำรวย ในขณะเดียวกันต้องพยายามชะลอการบริโภคในประเทศยากจน แต่ไม่ยับยั้งการเข้าถึงยาที่จำเป็น
ผู้เขียนรายงานการศึกษานี้กล่าวว่า “มีความจำเป็นต้องปรับสมดุลระหว่างการเข้าถึงยาที่จำเป็นโดยเฉพาะในประเทศรายได้ต่ำและปานกลางซึ่งปัญหาโรคติดต่อยังมีน้ำหนักมากกว่าปัญหาการติดเชื้อดื้อยา และในหลายประเทศยังไม่ได้ตอบสนองความต้องการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างมีนัยสำคัญ”
คณะผู้วิจัยเสนอให้ดำเนินมาตรการต่างๆ เช่น โปรแกรมควบคุมการใช้ในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางบางประเทศเพื่อช่วยบูรณาการการใช้ยาที่กำลังเพิ่มขึ้นกับโปรแกรมรักษาสุขภาพอื่นๆ ที่ออกแบบเพื่อยกระดับสุขภาวะโดยทั่วไปและลดอุบัติการณ์การติดเชื้อแบคทีเรียก่อนเป็นอันดับแรก กลยุทธอื่นๆ ได้แก่ โปรแกรมน้ำสะอาด การให้วัคซีนขนาดใหญ่ และการสุขาภิบาลที่ดีขึ้นเป็นกลยุทธ์ที่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อควบคุมการใช้ยาที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น
การใช้ยาปฏิชีวนะทั่วโลกพุ่งสูงดันปัญหาดื้อยาลุกลาม
Rich Haridy, Newatlas