วัคซีน COVID-19 ชนิด mRNA เข็มที่สาม มีความสำคัญในการเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์ Omicron

ทบทวนการศึกษาของ นพ. Wilfredo F. Garcia-Beltran (ภาควิชาพยาธิวิทยาของโรงพยาบาล Massachusetts General Hospital ในนคร Boston มลรัฐ Massachusetts สหรัฐอเมริกา) และคณะที่ตีพิมพ์ในวารสาร Cell ฉบับวันที่ 23 ธันวาคม 2564 โดย นพ. George Sakoulas ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อประจำโรงพยาบาล Sharp Memorial Hospital ในนคร San Diego มลรัฐ California สหรัฐอเมริกา
          วัคซีนเข็มที่ 3 หรือเข็มกระตุ้นของ BNT162b (บริษัท Pfizer/BioNTech) หรือ mRNA-1273 (บริษัท Moderna) ซึ่งเป็นวัคซีน COVID-19 ชนิด mRNA ช่วยเพิ่ม cross-reactive antibody responses ในการสลายเชื้อ Omicron ซึ่งเป็นเชื้อกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ที่เป็นสาเหตุของโรค COVID-19
          ในสหรัฐอเมริกามีวัคซีน COVID-19 อยู่ 3 ตัว ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันที่ประสบความสำเร็จในการเหนี่ยวนำให้เกิด humoral และ cellular immunity ได้มากเพียงพอที่จะสลายเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 และลดความรุนแรงของโรค COVID-19 อย่างไรก็ตาม เชื้อ Omicron มี spike protein mutations ถึง 36 ตำแหน่ง ซึ่งบั่นทอนภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีน COVID-19 ลงอย่างมาก ดังนั้น นพ. Garcia-Beltran และคณะจึงได้ทำการศึกษาด้วยการวัด neutralization potency of sera จากผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 จำนวน 239 คน  (วัคซีน BNT162b ของบริษัท Pfizer/BioNTech, mRNA-1273 ของบริษัท Moderna หรือ Ad26.COV2.S ของบริษัท Johnson & Johnson) ที่มีต่อเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ชนิด wide-type, เชื้อกลายพันธุ์ Delta และ Omicron โดยมีผู้ที่ได้รับวัคซีน COVID-19 จำนวน 63 คน จากทั้งสิ้น 239 คน ที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือเข็มที่ 3 ของวัคซีน COVID-19 ชนิด mRNA
          ผลลัพธ์ของการศึกษานี้สอดคล้องกับการศึกษาก่อนหน้านี้จำนวนหนึ่งที่พบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีน COVID-19 ชนิด mRNA (วัคซีน BNT162b หรือ mRNA-1273)  2 เข็มแรก มี neutralizing antibody titer สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญต่อเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ชนิด wide-type เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีน Ad26.COV2.S โดยในขณะที่ความสามารถของภูมิต้านทานในการสลายเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ชนิด wide-type จะลดลงเหมือน ๆ กันในบรรดาผู้ที่ได้รับวัคซีน COVID-19 ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดใดก็ตาม (ความสามารถของภูมิต้านทานในการสลายเชื้อกลายพันธุ์ Delta หมดลงในเวลามากกว่า 6 เดือน ในบรรดาผู้ที่ได้รับวัคซีน COVID-19  2 เข็มแรก ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดใดก็ตาม) กลับพบว่าความสามารถของภูมิต้านทานในการสลายเชื้อกลายพันธุ์ Omicron หมดลงอย่างรวดเร็วในทุกคนที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มแรกไปได้ไม่นานนัก และแม้แต่ในผู้ที่เพิ่งได้รับวัคซีน 2 เข็มแรกไปหมาด ๆ ความสามารถของภูมิต้านทานในการสลายเชื้อกลายพันธุ์ Omicron ก็หมดลงภายในเวลาสั้น ๆ ผู้ที่เคยได้รับวัคซีน COVID-19 มาก่อนและกำลังฟื้นตัวจากการติดเชื้อ COVID-19 จะยังคงมีความสามารถของภูมิต้านทานในการสลายเชื้อกลายพันธุ์ Omicron อยู่ระดับหนึ่ง ที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือ ใน serum ของผู้ที่เพิ่งได้รับวัคซีน COVID-19 ชนิด mRNA เข็มกระตุ้น มี higher SARS-CoV-2 neutralization titers (via higher anti-spike antibody levels) และมี broader humoral responses cross-reacting ต่อเชื้อกลายพันธุ์ Omicron โดยในการศึกษาด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพบว่า เชื้อกลายพันธุ์ Delta มีความสามารถในการเข้าสู่เซลล์มากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ชนิด wide-type ขณะที่เชื้อกลายพันธุ์ Omicron มีความสามารถในการเข้าสู่เซลล์มากกว่าเชื้อกลายพันธุ์ Delta ถึง 2 เท่า
          ความคิดเห็น: การศึกษานี้บ่งชี้ว่า การแพร่อย่างรวดเร็วของเชื้อกลายพันธุ์ Omicron เป็นผลมาจากมีความสามารถสูงในการเข้าสู่เซลล์และหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดี ในขณะที่การได้รับวัคซีน COVID-19 ชนิด mRNA  2 เข็มแรก ส่งผลให้เกิด high neutralizing antibody titers ต่อเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ชนิด wide-type แต่ความสามารถของภูมิต้านทานในการสลายเชื้อกลายพันธุ์ Delta ก็ลดลงอยู่บ้าง ดังนั้น วัคซีน COVID-19 ชนิด mRNA ดูจะมีความจำเป็นสำหรับการจัดการกับเชื้อกลายพันธุ์ Omicron ที่มีความสามารถสูงในการเข้าสู่เซลล์และหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดี โดยควรแนะนำให้ฉีดวัคซีน COVID-19 ชนิด mRNA เข็มกระตุ้น 6 เดือน หลังจากได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็มแรก
          อ้างอิง: Garcia-Beltran WF et al. mRNA-based COVID-19 vaccine boosters induce neutralizing immunity against SARS-CoV-2 Omicron variant. Cell 2021 Dec 23; [e-pub]. (...https://doi.org/10.1016/j.cell.2021.12.033. opens in new tab)