ใช้ยาต้านไวรัสแต่เริ่มแรกสกัดเอชไอวีไม่อยู่

ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีมาไม่นานก่อนจะเริ่มรับการรักษาเพื่อการป้องกัน ยังคงมีเชื้ออยู่  แม้จะเริ่มใช้ยาต้านไวรัสตั้งแต่แรกสุดก็ตาม
    มีหลักฐานหนักแน่นแสดงว่า การเริ่มให้ยาต้านไวรัส (antiretroviral therapy: ART)ระหว่างการติดเชื้อเอชไอวีเฉียบพลัน จะลดขนาดของรังโรคเอชไอวี (HIV reservoir) ลงได้  และขณะนี้คณะผู้วิจัยได้รายงานถึงผลการรักษาของผู้ชายสองคนในระหว่างมีการติดเชื้อเอชไอวีแบบเฉียบพลันมาก (hyperacute HIV infection) โดยทราบถึงผลในขณะที่ผู้ป่วยกำลังเริ่มใช้ยา ART เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนสัมผัส (preexposure prophylaxis: PrEP)
    ผู้เข้าร่วมการศึกษาคนที่หนึ่งเริ่มต้น PrEPหลังจากได้พบกันก่อนหน้านี้ ซึ่งการทดสอบเอชไอวีในตอนนั้นได้ผลเป็นลบ ในวันที่ 7 หลังจากเริ่ม PrEPพบว่าปริมาณ HIV RNAที่เป็นศูนย์ในวันที่มีการรักษากลับมาอยู่ที่ 220 copies/mL  แม้การทดสอบเอชไอวีด้วยชุดทดสอบรุ่นที่สี่จะเป็นลบ แต่ได้เปลี่ยนให้ไปใช้ยาต้านไวรัสสี่ขนานทันที
    (เมื่อมองย้อนกลับ ประเมินว่าผู้ป่วยมีการติดเชื้อ 10 วัน ก่อนเริ่มใช้ ART เพื่อการป้องกัน)  ในระยะสองสามปีข้างหน้า จะไม่พบไวรัสในตัวอย่างจากเลือด,ลำไส้เล็กส่วนปลายที่เปิดเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ (ileum), ไส้ตรง, ต่อมน้ำเหลือง, ไขกระดูก และน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง (cerebrospinal fluid: CSF)
    เมื่อ CD4 cell มากกว่า 500 ล้าน ถูกถ่ายโอนเข้าไปในหนูที่ถูกปรับเปลี่ยนให้เหมือนมนุษย์  ได้ตรวจพบเอชไอวีจำนวนเล็กน้อยในสัตว์ทดลองเพียง 1 ใน 10 ตัว  จากการติดตามการทดสอบที่ขยายผลและหลังจากใช้ ART 34 เดือน พบว่า ผู้ที่รับ ART ซึ่งมีการติดตามอย่างใกล้ชิด มีไวรัสกลับมาใหม่ 7.4 เดือนต่อมา
    ผู้เข้าร่วมการศึกษาคนที่สอง ซึ่งเริ่มการรักษาโดยตั้งใจให้เป็น PrEP เช่นกัน พบว่าติดเชื้อเอชไอวีจากการทดสอบ HIV RNA ตั้งแต่เริ่มต้นการศึกษา และเปลี่ยนไปใช้ ART สี่ขนาน  จากการใช้วิธีประเมินทางการวิจัยที่มีความไวสูง ได้ตรวจพบเอชไอวีระดับต่ำในเซลล์เม็ดเลือด แต่ไม่พบในไขกระดูก เนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลือง หรือ CSF  ผู้ป่วยยังคงใช้ยา ART อยู่
    ผู้ป่วยเหล่านี้ไม่ได้ล้มเหลวกับ PrEP แต่ติดเชื้อเอชไอวีก่อนเริ่มใช้ยา ART เพื่อการป้องกัน โดยพบเมื่อรับการตรวจทดสอบ HIV RNA ตอนเริ่มต้นการศึกษา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผล PrEPทั้งสองกรณีแสดงให้เห็นความจริงว่า แม้แต่การเริ่มใช้ ART แต่แรกๆ ระหว่างการติดเชื้อแบบเฉียบพลันมาก จะไม่รักษาเอชไอวีได้  เราจำเป็นต้องมีการรักษาเพิ่มเติมเพื่อถอนรากถอนโคนหรือจำกัดไวรัสให้เห็นผล  กรณีดังกล่าวยังเตือนเราว่า ก่อนเริ่ม PrEP  นอกเหนือจากการทดสอบด้วยชุดทดสอบเอชไอวีรุ่นที่สี่ เราควรตรวจ HIV RNA ถ้าบุคคลนั้นมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงมาไม่นานหรือมีโอกาสอื่นที่จะมีการสัมผัส