รพ.สต.บ้านสบหาร เตรียมพร้อม ‘เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ’ ใช้งบ กปท.ดูแล ‘ผู้สูงอายุติดบ้าน-ติดเตียง’

 


สปสช. ลงพื้นที่ ต.บ้านกาศ จ.แม่ฮ่องสอน เยี่ยมชม ‘โครงการดูแลผู้สูงอายุโดยการเสริมสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลบ้านกาศ’ โดย รพ.สต.บ้านสบหาร ใช้ กปท. ช่วยดูแลผู้สูงอายุติดบ้าน-ติดเตียง พร้อมรับมือ ‘สังคมผู้สูงอายุ’ ในอนาคต


ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู รอง ผอ.สปสช.เขต 1 เชียงใหม่ ลงพื้นที่ไปยัง ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อเยี่ยมชม ‘โครงการดูแลผู้สูงอายุโดยการเสริมสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุตำบลบ้านกาศ’ โดย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านสบหาร ใช้งบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) ช่วยดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะติดบ้านและติดเตียง

นายภิเษก อ่ำศรี ปลัด อบต.บ้านกาศ กล่าวว่า อบต.บ้านกาศ ได้มีการตั้งศูนย์พัฒนาคุณภาพผู้สูงอายุตำบลบ้านกาศเพื่อดูแลผู้สูงอายุ โดยใช้งบจากกองทุนดูแลผู้สูงอายุระยะยาว (Long term care : LTC) เพื่อเตรียมความพร้อมการดูแลผู้สูงอายุและสร้างแกนนำผู้สูงอายุให้มีความเข้าใจในงานศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุสำหรับจัดบริการ และสนับสนุนดูแลผู้สูงอายุ เนื่องจากปัจจุบันสังคมไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมถึงใน ต.บ้านกาศเอง การมีจำนวนประชากรสูงอายุเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้จำเป็นต้องสร้างการจัดการสวัสดิการต่างๆ แก่ผู้สูงอายุให้ครอบคลุมทุกด้าน


ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกาศ เข้าร่วมเป็นผู้ดำเนินงานและบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ ตั้งแต่ปี 2553 ปัจจุบันมี รพ.สต. จำนวน 2 แห่ง คือ รพ.สต.บ้านสบหาร และ รพ.สต.แม่ต้อมเหนือ โดยในพื้นที่ ต.บ้านกาศ มีจำนวนประชากรทั้งหมด 10,227 คน หมู่บ้านจำนวน 13 หมู่บ้าน มีจำนวนผู้สูงอายุ 1,525 คน หรือคิดเป็น 15% ซึ่งหากขึ้นไปถึง 20% จะเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในตำบล และในจำนวนนี้มีผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงจำนวน 17 คน

นายกองทัพ บงกชวิจิตรรุ่ง รักษาการ ผอ.รพ.สต.บ้านสบหาร กล่าวว่า เดิมทาง รพ.สต. มีการลงพื้นที่ให้ข้อมูลและคำแนะนำกับญาติผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุในด้านความปลอดภัยที่จะส่งผลต่อสุขภาพ เช่น เรื่องที่อยู่อาศัย สิ่งแวดล้อม ความสะอาด ฯลฯ ซึ่งเมื่อมี กปท. เข้ามาสนับสนุนในส่วนนี้ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นผ่านการจ้างเจ้าหน้าที่ caregiver ให้สามารถลงพื้นที่ดูแลได้อย่างครอบคลุมต่อจำนวนผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ติดบ้านและติดเตียง รวมถึงผู้สุงอายุที่มีเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในโครงการในพื้นที่ ต.บ้านกาศ ซึ่งปี 2565 เป็นปีที่ 4 ของการใช้งบ กปท. เพื่อมาหนุนเสริมการดูแลนี้


“ลำพังบางครัวเรือนเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาค่อนข้างเป็นปัญหาสำหรับเขา เมื่อมีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล ก็ช่วยแบ่งเบาภาระให้เขาได้เยอะ รวมถึงทำให้เข้าไปเติมเต็มให้เขามีคุณภาพชีวิตในด้านสุขภาพและส่งผลไปยังด้านอื่นๆ และมีความสุขเพิ่มขึ้น” ผอ.รพ.สต.บ้านสบหาร กล่าว 


นายกองทัพ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันทาง รพ.สต.บ้านสบหารได้จ้างเจ้าหน้าที่ caregiver จำนวน 4 คน เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ติดบ้านและติดเตียงทั้งหมดที่มีอยู่ในตำบลจำนวน 17 คน โดยลงพื้นที่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง อย่างไรก็ดีคนที่ผ่านการพัฒนาศักยภาพสำหรับเป็น caregiver ที่ขึ้นทะเบียนอยู่มีจำนวน 25 คน หากมีจำนวนผู้ที่เข้าข่ายต้องดูแลเพิ่มในอนาคตก็มีความพร้อมสามารถปฏิบัติงานได้เลย


ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า วันนี้ได้มาเยี่ยมผู้ป่วยที่ ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งบางท่านเป็นผู้ที่มีภาวะติดเตียงเคลื่อนไหวไม่ได้ อีกทั้งมีภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นด้วย ซึ่งในการดูแลปัจจุบัน สปสช. ได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดสรรงบประมาณให้ใช้ผ่านกองทุนดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิงในระยะยาว (LTC) โดยเอาไว้ใช้สำหรับเป็นค่าตอบแทนให้กับนักบริบาลที่ทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง เช่น อาบน้ำ ป้อนอาหาร พูดคุย ฯลฯ รวมถึงทาง รพ.สต.บ้านสบหารยังมีการใช้งบ กปท. ในการหนุนเสริมดูแลผู้สูงอายุในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นด้วย


อย่างไรก็ตาม ยังพบว่าปัญหาที่มีร่วมกันในผู้ป่วยหลายราย คือ การที่ผู้สูงอายุไม่สามารถไปขับถ่ายด้วยตนเองได้ ดังนั้นจึงต้องใช้ผ้าอ้อม ซึ่งผ้าอ้อมเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง บางท่านใช้ 2-3 ชิ้นต่อวัน ซึ่งที่มาดูในวันนี้คือ 5 ชิ้นต่อวัน เมื่อสอบถามถึงยี่ห้อและราคาที่ใช้ พบว่าอยู่ที่ชิ้นละ 15 บาท ในหนึ่งวันเท่ากับ 75 บาท และกว่า 2,000 บาท ในหนึ่งเดือน


“2 พันกว่าบาทสำหรับบางคนอาจจะไม่แพง แต่สำหรับหลายครอบครัวแล้วเป็นงบประมาณที่เยอะมาก ดังนั้นจึงกลายเป็นภาระทางค่าใช้จ่ายสำหรับประชาชน” รองเลขาธิการ สปสช. ระบุ


ทพ.อรรถพร กล่าวต่อไปว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 ทาง สปสช. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยตำแหน่ง ได้อนุมัติสิทธิประโยชน์ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับการขับถ่ายแก่ผู้สูงอายุ ให้ผู้ที่มีภาวะติดเตียง และค่าความสามารถในการดำเนินกิจวัตรประจำวัน (ADL) น้อยกว่า 6 คะแนน หรือผู้ที่ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะและอุจจาระได้ สามารถใช้งบ กปท. ในการซื้อผ้าอ้อมไปให้ผู้สูงอายุที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าวได้


ทั้งนี้ กรอบกติกาหลักที่กำหนดไว้ คือ ต้องมีการสำรวจจำนวนผ้าอ้อมหรือแผ่นรองซับที่ต้องการของประชาชนแต่ละคน จากนั้นจึงนำมาเขียนแผน (care plan) และส่งต่อไปยังคณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นเพื่อทำการอนุมัติ และเมื่อได้รับการอนุมัติก็จะมีการส่งงบประมาณไปให้เพื่อดำเนินการต่อไป


“ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือชนบท พื้นที่สูง พื้นที่เกาะ เขียน care plan ได้ทั้งหมด รวมถึงพูดได้ว่าเกือบ 100% ของท้องถิ่นทุกแห่งมีงบกองทุนหลักประกันสุขภาพของท้องถิ่นแล้ว ดังนั้นก็สามารถที่จะเขียนของงบประมาณตรงนี้ในการจัดซื้อจัดหาได้เลย” ทพ.อรรถพร กล่าว