โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูลการใช้ “กัญชา” ในทางการแพทย์และสุขภาพ มีข้อมูลชัดเจนว่าได้ประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด โรคลมชักรักษายาก กล้ามเนื้อหดเกร็ง ปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต และอยู่ระหว่างศึกษาการใช้ดูแลผู้ป่วยมะเร็ง โดยสั่งจ่ายผ่านบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการอบรมและมีแนวทางการใช้ที่เป็นมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย
นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นโยบายกัญชาของกระทรวงสาธารณสุข เป็นการใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้สนับสนุนการใช้เพื่อเสพ สูบ หรือสันทนาการ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย โดยมีการออกข้อกฎหมายต่าง ๆ เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด หรือป้องกันการเข้าถึงในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กและเยาวชน สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ซึ่งสถาบันกัญชาทางการแพทย์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีข้อมูลชัดเจนว่า กัญชาและสารสกัดจากกัญชามีประโยชน์ สามารถนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพ บำบัดรักษา บรรเทาอาการของผู้ป่วยได้จริง โดยต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือแพทย์แผนไทยในสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตให้เปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ จึงไม่มีผลกระทบที่เป็นอันตราย
ทั้งนี้ การใช้กัญชาทางการแพทย์แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีประโยชน์ในการดูแลผู้ป่วยชัดเจน ได้แก่ การดูแลภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากการรับเคมีบำบัด, โรคลมชักที่รักษายากและโรคลมชักที่ดื้อต่อการรักษา,ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง, ภาวะปวดประสาท ภาวะเบื่ออาหารในผู้ป่วยเอดส์ที่มีน้ำหนักตัวน้อย รวมถึงเพิ่มคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง ส่วนกลุ่มที่ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์น่าจะได้ประโยชน์ หรือใช้ในลักษณะของการควบคุมอาการ มี 4 โรค ได้แก่ โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ โรควิตกกังวลทั่วไป และโรคปลอกประสาทอักเสบ สำหรับกลุ่มที่อาจจะมีประโยชน์ในอนาคต คือ การใช้ดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาวิจัยเพื่อให้มีข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น
“การใช้กัญชาทางการแพทย์ในการดูแลรักษาผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์จะต้องผ่านการอบรมและได้รับใบอนุญาตในการจ่ายยากัญชา โดยกรมการแพทย์ได้ออกคำแนะนำการใช้กัญชาทางการแพทย์ ซึ่งมีการปรับปรุงข้อมูลให้ทันต่อสถานการณ์อยู่เสมอ โดยล่าสุดเป็นฉบับที่ 4 เพื่อเป็นแนวทางมาตรฐานในการใช้กัญชาดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์มากที่สุด” นพ.รุ่งเรืองกล่าว