โฆษก สธ. ยัน กระทรวงดูแลสุขภาพทุกมิติ ส่งเสริมไม่ให้ป่วย แต่ป่วยแล้วต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม

โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ยืนยัน การดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญทั้งการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รักษา ฟื้นฟูสุขภาพ และคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ระบบหลักประกันสุขภาพได้รับการพัฒนาต่อยอด ช่วยผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ร้ายแรง ได้เข้าถึงบริการมากขึ้น


       นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีผู้ให้ความเห็นเรื่องงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข หากบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ ลดรายจ่ายประจำ เพิ่มการลงทุนด้านสร้างเสริมสุขภาพประชาชน และใช้เทคโนโลยีช่วยในการให้บริการ จะทำให้บุคลากรทางการแพทย์เหนื่อยน้อยลงและทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ว่า กระทรวงสาธารณสุขดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างครอบคลุมทุกช่วงวัยและให้ความสำคัญในทุกมิติ ทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสุขภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ โดยการส่งเสริมให้ผู้ที่ยังไม่ป่วยให้มีสุขภาพที่ดี ขณะที่ผู้ที่ป่วยแล้วก็ต้องได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ดังจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันประชาชนมีการตื่นตัวในการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นมาก มีรูปแบบการออกกำลังกายที่หลากหลาย และมีกิจกรรมที่ส่งเสริมการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างกิจกรรมก้าวท้าใจ ขณะนี้เป็นซีซั่นที่ 4 แล้ว มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมเกือบ 5 ล้านคน


          นายแพทย์รุ่งเรืองกล่าวต่อว่า ในด้านการรักษาพยาบาล มีการพัฒนาจนก้าวหน้าไปอย่างมากเช่นกัน ทั้งการพัฒนาระบบที่เชื่อมโยงการรักษาจากระดับชุมชนไปจนถึงศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางแบบไร้รอยต่อ มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเรื่องระบบนัดหมายแพทย์ ระบบคิว เพิ่มความรวดเร็วและลดความแออัดในสถานบริการ โดยเฉพาะระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรคเดิม ได้มีการพัฒนาต่อยอดจนทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการการแพทย์ขั้นสูงได้มากขึ้น สะดวกขึ้น และลดภาระค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น เช่น การฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม ที่ให้สิทธิผู้ป่วยรับบริการโดยไม่ต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่ม และยังขยายหน่วยบริการไปถึงระดับอำเภอ ผู้ป่วยไปใช้บริการได้ใกล้บ้าน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ป่วยและญาติได้อย่างมาก


          “ขณะนี้ มีความพยายามนำการทำกิจกรรมระดมทุนให้โรงพยาบาล ไปเชื่อมโยงกับการบริหารงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข หรือการทำงานของบุคลากร ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน ความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสังคมและการมีจิตศรัทธาบริจาคของประชาชน เป็นสิ่งที่ดี เป็นการทำความดีที่ไม่ควรถูกนำไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง” นายแพทย์รุ่งเรืองกล่าว