บอร์ด สปสช.ทบทวนประกาศหลักเกณฑ์งบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี 66 เผยที่ผ่านมาตรวจสอบให้ถูกต้องเพื่อให้ประชาชนได้สิทธิประโยชน์สร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคตามที่กำหนดไว้ พร้อมมีมติเห็นชอบให้ลงนามในประกาศฯ ต่อไป
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ที่ประชุมมีวาระพิจารณาเรื่อง การทบทวนประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กรณีบริการด้านสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้แก่ประชาชนไทยทุกคน ซึ่งที่ประชุมได้มีมติดังนี้
1.เห็นชอบตามหนังสือสำนักงบประมาณ ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 มีความเห็นโดยสรุปว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ ครม.อนุมัติและเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณนั้น สำนักงบประมาณได้พิจารณาค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานและอัตราค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม โดยคงวัตถุประสงค์ตามที่ สปสช.เสนอต่อ ครม. ทั้งนี้เมื่อ ครม.มีมติอนุมัติและเห็นชอบ จึงเป็นกรณีที่ ครม.มอบหมายให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดำเนินการ ทั้งนี้ งบประมาณตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 งบประมาณของ สปสช.สำหรับกองทุนหลักประกันสุขภาพในส่วนการจัดสรรค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค จัดสรรให้จำนวน 66.286 ล้านคน
2.เห็นชอบให้ลงนามในประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ.2566
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในส่วนของบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคนั้น ในปีงบประมาณ 2566 คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้เตรียมงบประมาณบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับประชาชนไทยทุกคน และในช่วงที่ผ่านมานั้น บอร์ด สปสช.ได้อนุมัติสิทธิประโยชน์ในการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับคนไทยทุกคนไว้จำนวนมาก
ดังนั้นเพื่อความรอบคอบและรัดกุมในการดำเนินการด้านงบประมาณ จึงต้องมีการตรวจสอบหลักเกณฑ์การใช้จ่ายงบประมาณให้ถูกต้องเพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่ได้กำหนดไว้ และหน่วยบริการหรือสถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพได้รับงบประมาณเพื่อการดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้กับประชาชนได้ถูกต้องตามระเบียบและประกาศที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมากเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนไทย
“ขอยืนยันว่าการโอนงบประมาณล่าช้าไม่กระทบการให้บริการของหน่วยบริการต่อประชาชนแต่อย่างใด ประชาชนยังคงไปรับบริการได้เหมือนเดิม และยังคงได้รับบริการตามสิทธิประโยชน์เช่นเดิม ทั้งนี้การลงนามในประกาศหลักเกณฑ์การบริหารงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติประจำปีงบประมาณ 2566 นั้น จำเป็นต้องตรวจสอบให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่ายมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด” เลขาธิการ สปสช. กล่าว