มูลนิธิ ฟิลิปส์ และ ฟิลิปส์ ประเทศไทย ร่วมส่งมอบเครื่องมือและโซลูชั่น ทางการแพทย์ เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงระบบสุขภาพในประเทศไทย ผ่านมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี

www.medi.co.th

 



  • สองปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิด-19 ในระบบบริการสุขภาพกว่า 4.7 ล้านคน และปัจจุบันยังมีการรายงานจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ประมาณ 350 รายต่อสัปดาห์ ซึ่งตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 การขาดแคลน เครื่องมือและบุคลากรทางการแพทย์กลายเป็นความท้าทายสำคัญในวงการเฮลท์แคร์ประเทศไทย

  • มูลนิธิฟิลิปส์ และฟิลิปส์ ประเทศไทย จึงได้สนับสนุนระบบการจัดการและดูแลผู้ป่วยแบบอิเล็กทรอนิกส์  และเครื่องติดตามและวัดสัญญาณชีพ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในประเทศไทย โดยคาดว่าจะช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนได้กว่า 15,000 คน



  • ฟิลิปส์ได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถีเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพสำหรับผู้ด้อยโอกาสในประเทศไทย


 

การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ถือเป็นบททดสอบสำคัญต่อระบบสาธารณสุขของแต่ละประเทศ รวมทั้งประเทศไทย โดยเฉพาะความไม่เพียงพอของสถานบริการด้านสาธารณสุขและ การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ เป็นความท้าทายที่เด่นที่สุด รวมถึงความสับสนในการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านมาตรฐานทางการแพทย์ของประเทศเนื่องจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน สำหรับจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในปีพ.ศ. 2564 มีรายงานยอดผู้ป่วยกว่า 2,000 รายต่อวัน และยอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 รายต่อวัน แม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายมากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้ป่วยกว่า 350 รายต่อสัปดาห์ ซึ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงเช่นนั้น เครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำสมัยเป็นสิ่งจำเป็นต่อการสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลอย่างยิ่ง


ฟิลิปส์ เรามีปณิธาณที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านนวัตกรรมอันทรงคุณค่า ในขณะที่ มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถีก็มีพันธกิจและเป้าหมายในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในประเทศไทยให้สามารถ เข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ ซึ่งความท้าทายที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 ทำให้มูลนิธิ ฟิลิปส์ และฟิลิปส์ ประเทศไทย ตอบสนองเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ด้วยการร่วมทำงานกับมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถีในการช่วยเหลือผู้ป่วยด้อยโอกาสในประเทศไทยให้เข้าถึงบริการสุขภาพได้มากขึ้น

นายแพทย์อุดม เชาวรินทร์ กรรมการผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า “ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โรงพยาบาลราชวิถีเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลหลักของประเทศไทยที่ให้บริการรักษาพยาบาล แก่ผู้ป่วยโควิด-19 โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งในช่วงเวลานั้นโรงพยาบาลราชวิถีต้องเผชิญกับความท้าทายจากการขาดแคลนบุคลากรและจำนวนเตียงที่ไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยจำนวนมากพร้อมกัน เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งจากสถิติของผู้ป่วยโรงพยาบาลราชวิถีทั้งหมดในปี พ.ศ. 2564 มีผู้ป่วยนอกกว่า 955,403 คน และผู้ป่วยใน 34,889 คน โดยผู้ป่วยโควิด-19 ที่เป็นผู้ป่วยนอกจำนวน 2,385 คน และผู้ป่วยโควิด-19 ที่เป็นผู้ป่วยในจำนวน 6,673 คน ซึ่งต้องบอกว่าจำนวนผู้ป่วยที่ต้องการการรักษามีมากกว่านี้มาก แต่โรงพยาบาลของเรารองรับได้เพียงเท่านี้ สำหรับในปีพ.ศ. 2565 โรงพยาบาลราชวิถีมีจำนวนผู้ป่วยนอกกว่า 1,295,552 คน และผู้ป่วยใน 44,925 คน โดยผู้ป่วยโควิด-19 ที่เป็นผู้ป่วยนอกมีจำนวน 27,971 คน และผู้ป่วยโควิด-19 ที่เป็นผู้ป่วยในจำนวน 11,955 คน ซึ่งจากสถานการณ์นี้ ทำให้เราตระหนักถึงความต้องการด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่จะเข้ามาช่วย ลดงานให้กับบุคลากรของโรงพยาบาล จึงได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิฟิลิปส์ และ ฟิลิปส์ ประเทศไทย เพื่อสนับสนุนด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงสำหรับโรงพยาบาลราชวิถี”


ด้วยความตั้งใจที่จะตอบสนองอย่างเร่งด่วนต่อความท้าทายด้านสาธารณสุข มูลนิธิฟิลิปส์ และฟิลิปส์ประเทศไทย จึงร่วมกันส่งมอบเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สร้างประโยชน์ให้กับผู้ป่วยและโรงพยาบาลในประเทศไทย ด้วยระบบการจัดการและดูแลผู้ป่วยแบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเป็นเครื่องมือในการช่วยวิเคราะห์และตัดสินใจทางการแพทย์ในการดูแลรักษาพยาบาลในหน่วยการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยวิกฤต และเครื่องติดตามคลื่นหัวใจและสัญญาณชีพที่ออกแบบมาให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายและใช้งานง่าย ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถีเพื่อสนับสนุนการทำงานของโรงพยาบาลราชวิถี


นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนไทย และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกำหนดทิศทางอนาคตของสาธารณสุขในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมอันชาญฉลาดในการดูแลผู้ป่วยและโซลูชั่นทางการแพทย์อัจฉริยะที่เหมาะสมและพอดีกับความต้องการในช่วงเวลานั้นๆ


นอกจากนี้ เรายังเล็งเห็นถึงความสำคัญในการทำงานร่วมกับองค์กรอื่นๆ และความเร่งด่วนในการตอบสนองต่อความท้าทายในระบบสาธารณสุข ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เรามีโอกาสได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถีเพื่อสนับสนุนการทำงานของโรงพยาบาลราชวิถี”