“สาธิต” หารือร่วมฝ่ายยุติธรรม เข้มบังคับใช้ประกาศ “ช่อดอกกัญชา” ลดข้อกังวลผู้ปฏิบัติงาน

www.medi.co.th

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำทีมกรมการแพทย์แผนไทยฯ อย. กรมอนามัย หารือร่วมกับกระบวนการยุติธรรม ทั้ง ตร. อัยการ กรมการปกครอง ทำความเข้าใจประกาศสมุนไพรควบคุม “ช่อดอกกัญชา” และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ ป้องกันการนำกัญชามาใช้ในทางที่ผิด ลดข้อกังวลผู้ปฏิบัติหน้างาน


ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมหารือนโยบายและแนวทางสร้างความเข้าใจการบังคับใช้กฎหมาย ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ร่วมกับ นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย
นายณัฐพงศ์ พุฒแก้ว รองอธิบดีอัยการ นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (รอง ผบช.ปส.) ผู้แทนจาก อย. และกรมวิชาการเกษตร


ดร.สาธิตกล่าวว่า ได้เชิญหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมมาหารือเพื่อกระชับประกาศเกี่ยวกับ “กัญชา” โดยหลักคือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ที่กำหนดเฉพาะส่วนของช่อดอกกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม ออกตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 โดยเฉพาะกรณีการศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปช่อดอกกัญชาเพื่อการค้า ต้องขอรับใบอนุญาต นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดเงื่อนไขให้ต้องจัดทำข้อมูลแหล่งที่มา การนำไปใช้ ห้ามจำหน่ายให้เด็กอายุน้อยกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร นักเรียน นิสิตนักศึกษา ห้ามจำหน่ายเพื่อการสูบในสถานที่ประกอบการ ห้ามจำหน่ายผ่านเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติหรือช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ห้ามโฆษณาในทุกช่องทาง ห้ามจำหน่ายในศาสนสถาน หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์และสวนสนุก หากไม่ปฏิบัติตาม ผู้อนุญาตมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาต ครั้งละไม่เกิน 90 วัน หากยังฝ่าฝืนประกอบกิจการต่อไป ถือเป็นการกระทำผิดร้ายแรง จะมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต หากไม่ขออนุญาตมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


“ที่ผ่านมา ยังมีข้อกังวลและเป็นห่วงผู้ปฏิบัติหน้างาน ซึ่งได้หารือกับอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ แล้วว่า ต้องดำเนินการให้เป็นตัวอย่าง จึงมีการร่วมมือกับ ผอ.เขตใน กทม. และสน.ในพื้นที่ ตรวจสอบ จับกุมผู้ประกอบการ นำไปสู่การฟ้องศาลแขวงและมีคำพิพากษาแล้ว นอกจากนี้ ยังหารือถึงกรณีผู้ต้องหาไม่รับสารภาพว่าเป็นช่อดอกหรือไม่ ซึ่งต้องหาทางออกเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมั่นใจว่าจะไม่ถูกฟ้องกลับ โดยรองอธิบดีอัยการแนะนำว่าต้องเข้ากระบวนการพิสูจน์ให้ทราบ หากตรวจสอบพบหลักฐานเพียงพอว่าเป็นช่อดอกกัญชา มีพยานหลักฐานแวดล้อม
ฟ้องได้ อัยการจะดำเนินการฟ้องศาลต่อไป” ดร.สาธิตกล่าว


ดร.สาธิตกล่าวต่อว่า ส่วนผู้ปฏิบัติมีข้อเสนอให้ทำความชัดเจนข้อปฏิบัติในแง่ข้อกฎหมาย อัตราโทษ และวิธีปฏิบัติ ซึ่งจะมีการดำเนินการไปสู่ระดับจังหวัด เพื่อให้เข้าใจและปฏิบัติได้ชัดเจนมากขึ้น ส่วนต้องออกประกาศเพิ่มเติมหรือไม่ ได้มอบหมายรองอธิบดีกรมอนามัยพิจารณาเรื่องประกาศกลิ่นควันเป็นเหตุรำคาญ ว่าจะลดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนได้หรือไม่หากมีการสูบในที่สาธารณะ เพราะต้องมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ระงับเหตุก่อน หากฝ่าฝืน จึงจะมีการเปรียบเทียบปรับ อย่างไรก็ตาม ต้องดูฐานอำนาจของ พ.ร.บ.การสาธารณสุขด้วย ทั้งนี้ จะเร่งใช้
ทุกประกาศที่มีในการจัดการควบคุมให้การใช้ช่อดอกให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่แพร่หลายไปสู่กลุ่มคนและสถานที่ ที่คิดว่าเสี่ยงจะมีผลกระทบในเชิงสังคม เพื่อควบคุมป้องกันการใช้กัญชาในทางที่ผิดในช่วงที่ยังไม่มีร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชงออกมา


ด้าน นพ.ธงชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สื่อสารกับสถานีตำรวจท้องที่ให้ทราบแนวทางการปฏิบัติ กรณีจับกุมและดำเนินคดีตามประกาศฯ ว่า การจับกุมต้องมีพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาฯ เป็นผู้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุม ซึ่งจากการ ลงพื้นที่ร่วมกับสถานีตำรวจชนะสงครามและทองหล่อ มีการจับกุมเอาผิด 10 ราย ดำเนินคดีส่งฟ้องศาลและตัดสินแล้วทั้ง 10 ราย แบ่งเป็น สน.ชนะสงคราม กรณีถนนข้าวสาร 4 ราย ศาลตัดสินสั่งปรับ 5 พันบาท และ สน.ทองหล่อ 6 ราย ศาลตัดสินจำคุก 2 เดือน รอลงอาญา 2 ปี และปรับ 5 พันบาท


ส่วน 2 ราย ย่านถนนข้าวสารเป็นเรื่องไม่ปฏิบัติตามเงือนไขใบอนุญาต ข้อ 3(5) เนื่องจากจัดให้มีการสูบในสถานที่ประกอบการ ผู้อนุญาตอยู่ระหว่างดำเนินการออกคำสั่งทางปกครองพักใช้ใบอนุญาต ทั้งนี้ จะมีการตรวจสอบติดตามในพื้นที่ต่างจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป ที่ระหว่างนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ใบอนุญาต