รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผย กระทรวงสาธารณสุขพร้อมเดินหน้า 2 โครงการสำคัญของรัฐบาล คือ Medical Hub และ Specialised Expo 2028 ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องท่องเที่ยวทั่วโลก โดยชูระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง มุ่งสร้างแรงกระเพื่อมระบบเศรษฐกิจสุขภาพ สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการและสร้างรายได้ให้กับคนไทย

ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมโครงการ Medical Hub และโครงการ Specialised Expo 2028 ร่วมกับ นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 11 ว่า กระทรวงสาธารณสุขพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล คือการผลักดันให้จังหวัดภูเก็ตเป็น Medical Hub ซึ่งเป็นโครงการเกิดขึ้นจากการประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดพังงา และมีการเสนอโครงการผ่านสมาคมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นโครงการนำร่องหลังสถานการณ์โควิด 19 ในพื้นที่อันดามัน โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการคลังมอบที่ดินของกรมธนารักษ์ จำนวน 116 ไร่ บนพื้นที่หาดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต ให้กับกระทรวงสาธารณสุข และเริ่มต้นงบประมาณ 100 กว่าล้านบาท ในการทำโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อนำร่องเศรษฐกิจ ตอกย้ำความเชื่อมั่นของระบบสาธารณสุขของประเทศ และต่อยอดการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศหลังสถานการณ์โควิด 19

ดร.สาธิตกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ประเทศไทยจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2028 ที่จังหวัดภูเก็ต ถือเป็น Thailand agenda เนื่องจากเห็นโอกาสในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด 19 ซึ่งจังหวัดภูเก็ตถือเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เห็นได้จากหลังสถานการณ์โควิด 19 เที่ยวบินในภูเก็ตกลับมาเกือบเท่าเดิมแล้ว โดยขณะนี้เรามาถึงรอบสุดท้าย มี 5 ประเทศเข้าแข่งขัน คือ เซอร์เบีย สเปน สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา และไทย โดยคณะกรรมการชุดแรกได้เดินทางมาดูสถานที่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา และช่วงเดือนมกราคม 2566 จะมีการจัดประชุมสัมมนาที่ประเทศฝรั่งเศสเพื่อนำเสนอข้อมูลให้แก่ประเทศสมาชิก 113 ประเทศ จากนั้นจะมีการจัดสัมมนาย่อยโดยเชิญตัวแทนจากประเทศสมาชิกมารับฟังข้อมูลที่จังหวัดภูเก็ต ก่อนที่คณะกรรมการจะไปพิจารณาตัดสินในช่วงเดือนมิถุนายน 2566 โดยประเทศที่จะเป็นเจ้าภาพจัดงานจะต้องได้คะแนนเสียง 2 ใน 3