กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ห่วงเด็กไทยติดหวาน ชี้ 1 วัน เด็กไทยนิยมบริโภคเครื่องดื่มที่มีรสหวานมากกว่าน้ำเปล่า แนะสุขบัญญัติปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดความเสี่ยงโรคอ้วนและโรคเรื้อรังในอนาคต
นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันเด็ก ปี 2566 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ห่วงเด็กไทยในการบริโภคของหวาน หากรับประทานเกินจำนวนที่แนะนำในการบริโภคต่อวัน จะส่งผลให้เด็กไทยติดหวานและเป็นโรคอ้วน จากข้อมูลเฝ้าระวังพฤติกรรมด้านสุขภาพ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยกองสุขศึกษาได้สำรวจพฤติกรรมการดื่มน้ำอัดลม และเครื่องดื่มรสหวาน ในกลุ่มวัยเรียน ในปี 2564 จำนวน 6,634 คน พบว่าใน 1 วัน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวาน สูงถึงร้อยละ 86.5 และมีเพียงร้อยละ 13.5 เท่านั้นที่ดื่มน้ำเปล่า ส่วนประเภทเครื่องดื่มรสหวานที่ดื่มเป็นประจำ 3 ลำดับแรก คือ น้ำอัดลม ร้อยละ 40.95 รองลงมาชานมไข่มุก ร้อยละ 29.16 และน้ำผลไม้ที่มีรสหวาน ร้อยละ 9.34 ตามลำดับ ซึ่งผลการสำรวจพบว่าเด็กไทยนิยมเครื่องดื่มที่มีรสหวานและบริโภคน้ำอัดลมเป็นส่วนใหญ่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แนะนำปฏิบัติ สุขบัญญัติข้อ 4 การทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอและเหมาะสมทำให้สุขภาพแข็งแรง ด้วยการเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มที่มีรสหวาน โดยเน้นการดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น และปลูกฝังให้เด็กและเยาวชน อ่านฉลากโภชนาการ เพื่อทราบปริมาณน้ำตาลในน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มรสหวานประเภทต่างๆ และทานอาหารที่มีประโยชน์
ด้านนายแพทย์สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ครอบครัวและโรงเรียน มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มพูนความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ในเรื่องโรคอ้วนให้กับเด็ก เพราะหากเด็ก มีสุขภาพที่ดีตั้งแต่วัยเยาว์ จะส่งผลให้เด็กมีพฤติกรรมที่ดีทางด้านสุขภาพ แต่ถ้าหากเด็กมีความรอบรู้ด้านสุขภาพเรื่องโรคอ้วนในระดับต่ำแล้ว จะมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคอ้วนและโรคเรื้อรังในวัยผู้ใหญ่ โดยผู้ปกครอง และโรงเรียนสามารถปรับพฤติกรรมเด็กต่างๆ ตามแนวทางสุขบัญญัติ เช่น จัดเตรียมอาหารที่เหมาะสมตามหลักโภชนาการให้กับเด็ก เพิ่มผักผลไม้ ซึ่งได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ หลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กรับประทานขนมขบเคี้ยว อาหารที่มีรสหวานจัด และเครื่องดื่มที่มีรสหวานทุกชนิดทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน รวมทั้งส่งเสริมกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายตามความชอบและความถนัดของเด็กอย่างเหมาะสม ลดพฤติกรรมการนั่งดูทีวี เล่นเกมคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้สามารถควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ให้เด็กไทยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงต่อไป