พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดงาน (Kick off) โครงการหนึ่งโรงเรียน หนึ่งครูอนามัย สร้างเด็กไทยรอบรู้สุขภาพ ซึ่งกรมควบคุมโรคได้เข้าร่วมงานดังกล่าว โดยมีนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค คณะผู้บริหารกรมควบคุมโรค ร่วมพิธีเปิด และหลังจากพิธีเปิด นายกรัฐมนตรี เดินเยี่ยมชมนิทรรศการ พร้อมร่วมรณรงค์ชูประเด็น “คนไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชน
นายแพทย์ธเรศ กล่าวว่า กรมควบคุมโรคได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กและเยาวชน จึงได้มอบหมายให้ กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค จับมือกับมูลนิธิรณรงค์ เพื่อการไม่สูบบุหรี่ จัดนิทรรศการเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมผลักดันรณรงค์ในประเด็น “คนไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าเสพติดที่จูงใจให้เด็กและเยาวชน ตกเป็นเหยื่อเข้าไปทดลองสูบบุหรี่จนเสพติดและเลิกไม่ได้ นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้ายังทำให้เกิดโรค ปอดอักเสบรุนแรง รวมทั้งอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และการตรวจรักษาในระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายภาวะการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจโดยทั่วไป แต่เมื่อทำการรักษาแล้วกลับพบว่าอาการไม่ดีขึ้นแต่อย่างใด และนำไปสู่ภาวะโรคปอดอักเสบรุนแรง ซึ่งโรคดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการได้รับสารเคมีจากการสูบละอองไอของบุหรี่ไฟฟ้าเข้าไป
นายแพทย์ธเรศ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องคงมาตรการห้ามนำเข้าและขายบุหรี่ไฟฟ้าที่เข้มแข็งต่อไป เนื่องจากเหตุผลสำคัญ 9 เหตุผล ดังนี้ 1.เป้าหมายของผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้า คือ เด็กและเยาวชน 2.บุหรี่ไฟฟ้าเป็นต้นทางของการสูบบุหรี่ธรรมดาของเด็กและเยาวชน 3.บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตราย ทำลายสุขภาพ 4.นิโคติน ทำให้เสพติด อันตรายเกินคาด 5.บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วยให้เลิกบุหรี่ได้จริง 6.บุหรี่ไฟฟ้าส่งผลเสียต่อสังคมมากกว่าผลดี 7.บุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้ไทยถอยหลังในการควบคุมยาสูบ 8.การห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า คือ มาตรการสำคัญในการปกป้องเด็กจากการตกเป็นเหยื่อ 9.ควรยึดนโยบาย "ปลอดภัยไว้ก่อน" เพราะชีวิตคนไทยมีค่าเกินกว่าจะเอาไปเสี่ยง
ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำไปยังประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนว่า บุหรี่ไฟฟ้าทำลายสุขภาพ อย่าหลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อโฆษณาชวนเชื่อ เพราะการสูบบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดการเสพติดสารนิโคตินเช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ทั่วไป ประชาชนสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค 0 2590 3850 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422