สธ.จัดทำคำของบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2567 วงเงิน 4.37 แสนล้านบาท ใช้พัฒนาระบบสาธารณสุขเพื่อประโยชน์ประชาชน

www.medi.co.th

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ภาพรวมกระทรวงสาธารณสุข วงเงิน 437,131.4 ล้านบาท ภายใต้หลักการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ปรับระบบบริการสุขภาพโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เข้าถึงบริการสะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ลดความแออัด เน้นพัฒนางาน 6 ประเด็นหลัก


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมนำเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ภาพรวมกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีทุกกรม และผู้บริหารหน่วยงาน/องค์กรในกำกับของกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมประชุม


นายอนุทินกล่าวว่า การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ภาพรวมกระทรวงสาธารณสุข ได้ย้ำว่า ขอให้ยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ใช้เม็ดเงินภาษีให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผลเกิดความคุ้มค่า ได้ประโยชน์สูงสุด และมุ่งเน้นตามยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของรัฐบาล รวมถึงแนวทางเศรษฐกิจสุขภาพ Health for Wealth ที่จะเป็นแรงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่ง ซึ่งมีเป้าหมายหลัก คือ ปรับระบบบริการสุขภาพโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ลดความเหลื่อมล้ำ เข้าถึงบริการอย่างสะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และลดความแออัด โดยจะขับเคลื่อนงานผ่านประเด็นหลัก 6 เรื่อง คือ เศรษฐกิจสุขภาพและนวัตกรรมการแพทย์, การปรับตัวสู่สังคมสูงอายุคุณภาพ, การพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและการจ้างงานรูปแบบใหม่, การเรียนรู้จากโควิด 19 เพื่อพลิกโฉมสาธารณสุข ยืดหยุ่นต่อวิกฤตและภัยอุบัติใหม่, งานบริการระบบปฐมภูมิ ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และ Digital Health เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ ระบบการแพทย์ทางไกล


นายอนุทินกล่าวต่อว่า คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 มีวงเงินคำขอรวมทั้งสิ้น 437,131.4 ล้านบาท แบ่งเป็น คำขอของหน่วยงานในสังกัด 10 กรม 219,652 ล้านบาท กองทุนในกำกับ 3 กองทุน 214,362 ล้านบาท และองค์การมหาชน 6 หน่วยงาน 3,117 ล้านบาท จำแนกเป็นหมวดงบประมาณ ดังนี้ งบด้านบุคลากร 124,480 ล้านบาท งบดำเนินการ 30,824 ล้านบาท งบลงทุน 30,160 ล้านบาท งบอุดหนุน 32,708 ล้านบาท และงบรายจ่ายอื่นๆ 1,480 ล้านบาท โดยมีโครงการสำคัญที่จะดำเนินการ เช่น ผู้สูงอายุ วงเงิน 155.58 ล้านบาท, ยาเสพติด วงเงิน 3,341.80 ล้านบาท, สุขภาพปฐมภูมิ/อสม. วงเงิน 27,606.89 ล้านบาท, Digital Health วงเงิน 1,248.80 ล้านบาท, Medical Hub วงเงิน 162.99 ล้านบาท


“ปีงบประมาณ 2567 ในส่วนของงบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้เสนอขอเพิ่มขึ้นจากอัตราเหมาจ่ายรายหัวปี 2566 จำนวน 3,385.98 บาท ต่อหัวประชากร เพิ่มขึ้นในปี 2567 เป็นจำนวน 3,440.51 บาทต่อหัวประชากร เพื่อให้หน่วยบริการได้นำมาดูแลสุขภาพของประชาชนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น” นายอนุทินกล่าว


ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า คำของบประมาณในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวม 154,572.2 ล้านบาท ซึ่งนอกเหนือจากงบรายจ่ายด้านบุคลากร จะเป็นงบประมาณที่ใช้เพื่อการดูแลประชาชน โดยเฉพาะงบลงทุน ที่นำมาใช้พัฒนาสถานพยาบาลและระบบบริการสุขภาพต่างๆ เช่น ก่อสร้างอาคารบริการ ระบบบำบัดน้ำเสีย จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพมาตรฐาน และ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงงบดำเนินการที่ใช้ในการรองรับโรคและภัยสุขภาพต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต


นอกจากนี้ ยังมีงบลงทุนที่นำมาใช้ในโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท ทั้งการจัดซื้อครุภัณฑ์ ด้านการศึกษา การแพทย์ ยานพาหนะ และสิ่งก่อสร้าง เพื่อพัฒนาระบบการผลิตแพทย์ออกไปดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ห่างไกล เพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชนในพื้นที่ และงบลงทุนด้านครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อนบริการทางการแพทย์ อาทิ ระบบเทเลเมดิซีน ระบบข้อมูลสุขภาพ ที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลเป็นภาพรวม ประชาชนสามารถนำข้อมูลสุขภาพตนเองไปใช้หรือไปรับบริการได้สะดวก