รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยผลหารือผู้จัดการใหญ่ บริษัทไฟเซอร์ ประเทศไทย เตรียมบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นให้เร็วที่สุด เพื่อจัดหาวัคซีนสำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป โดยไฟเซอร์จะสำรองการผลิตประมาณ 10-20 ล้านโดส ส่งได้ไตรมาส 3-4 ของปีนี้ พร้อมเร่งรัดให้มีการขึ้นทะเบียนวัคซีนกับ อย.
วันนี้ (7 พฤษภาคม 2564) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยอธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ หารือกับผู้จัดการใหญ่ บริษัทไฟเซอร์ ประเทศไทย ที่ขอเข้าพบเจรจาการจัดหาวัคซีน โดยนายอนุทินให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ได้เจรจากับผู้บริหารของบริษัท ไฟเซอร์ ประเทศไทย และได้ตกลงในหลักการและบันทึกข้อพิจารณาเบื้องต้นกับบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งไฟเซอร์ ระบุว่าหากบรรลุข้อตกลง วัคซีนของไฟเซอร์จะส่งมาถึงเมืองไทยในไตรมาส 3-4 ของปีนี้ จำนวน 10 - 20 ล้านโดส แล้วแต่ความต้องการของกระทรวงสาธารณสุข ได้ขอให้ไฟเซอร์ เร่งดำเนินการยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อได้ลงนามบันทึกข้อตกลงฉบับแรกร่วมกัน โดยไฟเซอร์ยืนยันจะทำสัญญากับภาครัฐเท่านั้น จากนั้น ส่วน อย. พร้อมเร่งรัดการขึ้นทะเบียนตามเอกสารที่มีการส่งมาโดยเร็วที่สุด สำหรับการการจัดซื้อของภาคเอกชนรัฐบาลจะหาแนวทางสนับสนุนในลำดับต่อไป
นายอนุทินกล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขพร้อมเดินหน้า โดยไม่ประวิงเวลา ในการจัดหาวัคซีนเข้ามายังประเทศไทยให้มากและโดยเร็วที่สุด และครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม โดย ครม. ได้อนุมัติงบกลางเพื่อจัดซื้อวัคซีนไว้แล้ว เนื่องจาก ณ ช่วงเวลานี้วัคซีนไฟเซอร์เป็นบริษัทผู้ผลิตเดียวที่ครอบคลุมเยาวชนตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป ส่วนข้อจำกัดของวัคซีน เช่น การควบคุมอุณหภูมิที่ -70 องศาเซลเซียส ขณะนี้ได้มีการผ่อนคลาย สามารถจัดเก็บได้ในอุณหภูมิที่สูงขึ้นและมีความเหมาะสมมากขึ้นสำหรับการนำมาใช้ในวงกว้างกับประเทศไทย
อนุทิน เผยบริษัทไฟเซอร์ เข้าพบ เตรียมบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นให้เร็วที่สุด สำรองการผลิตส่งได้ไตรมาส 3-4 ปีนี้
กระทรวงสาธารณสุข