– บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล และโรงพยาบาลพญาไท 2 ร่วมจัดงานเสวนา ภายใต้หัวข้อ “การยอมรับในความแตกต่างและการมีส่วนร่วมในสถานที่ทำงาน (Diversity & Inclusion in the workplace)” เนื่องในโอกาสเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ (Pride Month) ณ วิคเตอร์คลับ สาทร สแควร์
ความหลากหลาย (Diversity) และการมีส่วนร่วม (Inclusion) ถือเป็นสองแนวคิดที่มีความเชื่อมโยงกัน โดยความหลากหลาย จะสื่อถึงอัตลักษณ์ของบุคคลที่มีความแตกต่างกัน ทั้งทางเพศ เชื้อชาติ หรืออายุ ในขณะที่การมีส่วนร่วม คือการสะท้อนว่าในสังคมหนึ่งจะสามารถเปิดรับมุมมอง การแสดงตนของบุคคลที่มีความแตกต่าง และให้โอกาสการมีส่วนร่วมในสังคมดังกล่าวอย่างเท่าเทียมได้ดีแค่ไหน ซึ่งใน “สังคมการทำงาน” ที่ประเด็นด้านความแตกต่างและการมีส่วนร่วมนั้นเป็นประเด็นที่หลายภาคส่วนเล็งเห็นและให้ความสำคัญ การที่จะขับเคลื่อนองค์กรและรวมพลังความคิดความสร้างสรรค์ให้เป็นหนึ่ง จึงต้องการแรงผลักดันจากทุกภาคส่วนตั้งแต่ผู้บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคล รวมถึงพนักงานซึ่งเป็นพลังหลักในองค์กร เพื่อส่งเสริมให้องค์กรสามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายที่วางไว้
นายอนาวิล โชคอมรินทร์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แอสตร้าเซนเนก้าเป็นองค์กรที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงานและเคารพในอัตลักษณ์ของแต่ละบุคคลเสมอมา บริษัทฯ ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนความเท่าเทียมและความเสมอภาค เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ทำให้พนักงานรู้สึกอยากมาทำงานและรู้สึกปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ ตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนคือ การจัดตั้งกลุ่ม AZ Pride ซึ่งเป็นเครือข่ายของพนักงานจากทั่วโลก เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ได้มีส่วนร่วมและแสดงศักยภาพในด้านการทำงานของตนเอง ซึ่งในเดือน Pride Month พนักงานของแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย ก็ได้มีโอกาสร่วมทำกิจกรรมกับพนักงานจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกผ่านช่องทางโซเชียล มีเดีย ของบริษัทฯ รวมถึงการจัดกิจกรรมสนับสนุนการยอมรับและการมีส่วนร่วมของพนักงาน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ทัศนคติ และเปิดมุมมองให้กับพนักงานภายในองค์กรมากขึ้น”
นายสุทธกานต์ ช้างน้อย ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายสรรหาและพัฒนาศักยภาพบุคลากร ทรัพยากรบุคคล สำนักงานกลาง บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด กล่าวว่า “บริดจสโตน ในฐานะผู้ผลิตยางระดับโลก ดำเนินงานโดยให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชนสากลและการเคารพสิทธิมนุษยชน พร้อมสนับสนุนแนวคิดด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมในสังคมการทำงาน โดยในด้านทรัพยากรบุคคล ทางองค์กรได้เปิดโอกาสให้ผู้มีความสามารถเข้ามาร่วมงานอย่างเท่าเทียมผ่านช่องทาง Bridgestone Thailand Careers Facebook และ Bridgestone Thailand LinkedIn ควบคู่ไปกับการวางแผนพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดหลักสูตรการฝึกอบรมและกิจกรรมที่เน้น 3 ด้านหลัก ได้แก่ การพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง (Embrace Change) การทำงานเชิงรุก (Proactive) และการสื่อสารเชื่อมโยง (Stay Connected) เพื่อทำให้พนักงานมีความสุขกับการทำงาน และมุ่งสู่การเป็นหนึ่งเดียวกัน One Team, One Bridgestone ที่พร้อมส่งมอบคุณค่าแก่สังคม ลูกค้า และพันธมิตรต่อไป”
นางสาวอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กรและการสื่อสารสัมพันธ์ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ลอรีอัล กรุ๊ป ในฐานะผู้นำด้านความงามในตลาดโลกอายุกว่า 110 ปี มีเป้าหมายหลักในการ ‘สร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก (Create the beauty that moves the world)’ ผ่านการสร้างผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมบิวตี้ เทค (Beauty Tech) ที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมความงามสำหรับทุกคน (Beauty for All) และ ความงามเฉพาะแต่ละคน (Beauty for Each) ซึ่งการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจะต้องเริ่มจากความหลากหลายของคนในองค์กรเพื่อสามารถให้มุมมองและไอเดียที่ครอบคลุมตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคได้ เราจึงให้ความสำคัญในการส่งความหลากหลาย ความไม่แบ่งแยก และความเสมอภาคขององค์กร เพื่อดูแลพนักงานทุกกลุ่มของเรา โดยเราได้มีการปรับเปลี่ยนสวัสดิการที่ทุกคน ทุกเพศสภาพ ทุกสถานภาพ สามารถใช้ประโยชน์ได้ เท่าเทียมกัน อาทิ การให้วันลา Flex Leave เพิ่มเติม 15 วันจากวันหยุดพักร้อนปกติ 12 วัน เพื่อให้ทุกคนนำไปใช้ ทำกิจกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของตนเองโดยไม่จำกัดขอบเขต และ วันลา 15 วันเพื่อการรับบุตรบุญธรรม”
อาจารย์ ภัททกา เสงี่ยมเนตร อาจารย์ผู้ประสานงานรายวิชาทั่วไป หมวดสังคมศาสตร์ และการฝึกงาน วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ในปัจจุบัน คนรุ่นใหม่มีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเองและสังคม รวมถึงสนใจศึกษาด้านหลักการสิทธิมนุษยชนมากขึ้น ดังนั้น องค์กรต่างๆ ที่กำลังมองหาบุคลากรที่มีศักยภาพ ควรต้องมีความชัดเจนในด้านนโยบาย ซึ่งหากพูดถึงนโยบายด้านความหลากหลายและการมีส่วนร่วม คนรุ่นใหม่จะให้ความสำคัญและวัดระดับความใส่ใจขององค์กร โดยเริ่มต้นจากการสังเกตรายละเอียดปลีกย่อยที่ตนเองได้พบเจอ เช่น การกรอกสถานะเพศสภาพในใบสมัครงาน หรือห้องน้ำในองค์กรที่ไม่จำกัดเฉพาะชาย-หญิง เป็นต้น ทั้งนี้ หากองค์กรใดสนับสนุนนโยบายด้านนี้ก็จะสามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) ให้กับบุคลากร
ทำให้พวกเขาสามารถเป็นตัวของตัวเอง ปราศจากความกังวลที่จะต้องย้อนความเป็นตัวตน (Gender Identity)ส่งผลให้สามารถดึงศักยภาพของตนเองมาเพื่อพัฒนาองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”
คุณสุภาพร บัญชาจารุรัตน์ ผู้อำนวยการสายทรัพยากรบุคคล เครือโรงพยาบาลพญาไท และเครือโรงพยาบาลเปาโล กล่าวว่า “ในปัจจุบัน ความหลากหลายได้รับการยอมรับและมีการเปิดกว้างทางความคิดของ แต่ละบุคคล ทำให้เรามีอิสระในการใช้ชีวิต ทั้งชีวิตประจำวัน และชีวิตการทำงานมากขึ้น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล
เครือโรงพยาบาลพญาไท และเครือโรงพยาบาลเปาโล ได้มีการเปิดรับ เปิดใจ มองหาบุคลากรที่มาร่วมงานอย่าง เปิดกว้าง เพราะเราเชื่อว่า “ทุกคนต้องได้โอกาส” โดยพิจารณาจากความรู้ ความสามารถ และความเหมาะสมของตำแหน่งงานที่สมัครมากที่สุด ไม่ว่าเพศไหนก็ควรได้รับโอกาสและการปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความสุข ในการทำงาน และทำให้พนักงานสามารถปฏิบัติงานได้เต็มศักยภาพและมีประสิทธิภาพ”
การเปิดรับความหลากหลายและการมีส่วนร่วมในสถานที่ทำงาน ไม่ได้เป็นเพียงนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวคิดเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้องค์กรสามารถดึงดูดและปลดล็อกศักยภาพของพนักงาน ซึ่งจะนำไปสู่การสรรสร้างนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร โดยในฐานะองค์กร ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของเราในการสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความเคารพและส่งเสริมความแตกต่าง พร้อมสร้างโอกาสที่ เท่าเทียม เพื่อเป็นการปูทางสู่อนาคตที่ทุกคนสามารถเติบโตและมีส่วนร่วมกับองค์กรได้อย่างเต็มความสามารถต่อไป