นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวพบโควิด19 สายพันธุ์ EG.5.1 แพร่เร็วกว่า XBB.1.16นั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้EG.5.1 หรือ XBB.1.9.2.5.1เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนXBB.1.9.2.*มีตำแหน่งกลายพันธุ์เพิ่มเติมบนโปรตีนหนาม คือS:F456L(กรดอะมิโนที่ตำแหน่ง 456 เปลี่ยนจากฟีนิลแอลานีน เป็น ลิวซีน) และ S:Q52H(กรดอะมิโนที่ตำแหน่ง 52 เปลี่ยนจากกลูตามีน เป็น ฮีสติดีน) ทั้งนี้อัตราการแพร่เชื้อในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ในภาพรวมทั่วโลก พบว่าสูงกว่าสายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16* ร้อยละ 45
สถานการณ์ในภูมิภาคเอเชีย ระหว่างวันที่ 4 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม 2566 พบว่า XBB.1.16 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุด คิดเป็น 13.71% รองลงมาคือสายพันธุ์XBB.1.9.1 คิดเป็น8.68% และสายพันธุ์EG.5.1คิดเป็น7.33%
สถานการณ์ของสายพันธุ์ EG.5.1ทั่วโลก อ้างอิงจากฐานข้อมูลกลางGISAID แบ่งตามภูมิภาค ดังนี้เอเชีย 1,385 ราย ยุโรป 203 ราย โอเชียเนีย 35 ราย อเมริกาเหนือ 360 ราย อเมริกากลาง 4 ราย และอเมริกาใต้ 1 ราย(ข้อมูล ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2566)
สายพันธุ์ EG.5.1ในภูมิภาคเอเชีย พบรายงานจาก 11 ประเทศโดยลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้ สาธารณรัฐจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง อิสราเอล ลาว อินโดนีเซีย ไต้หวัน ไทย และ อินเดีย สำหรับประเทศไทยพบสายพันธุ์ EG.5.1จำนวน 5 ราย รายงานครั้งแรกในเดือนเมษายน 2566จํานวน1 ราย เดือนพฤษภาคม 2566จํานวน3 ราย และเดือนมิถุนายน 2566จํานวน1 ราย ทั้งนี้ ยังไม่พบข้อมูลเรื่องการเพิ่มความรุนแรง
นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวต่อว่าสถานการณ์โดยรวมในปัจจุบันพบว่า XBB.1.16เป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาด ของประเทศไทย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 17–23 มิถุนายน2566 ผลการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด 19 จำนวน 74ราย พบเป็นสายพันธุ์ลูกผสม XBB.* 73 ราย (นับรวม XBB.1*, XBB.1.9*, XBB.2.3*, XBB.1.5*, XBB.1.16*) คิดเป็น 98.6% และสายพันธุ์ลูกผสมXBL(XBB.1.5*ผสมกับBA.2.75*) 1 ราย สัดส่วนสายพันธุ์ที่ตรวจในสัปดาห์นี้สองอันดับแรก ได้แก่ สายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16* และ XBB.1.9.1* คิดเป็น56.76%และ 16.22 % ตามลำดับ ซึ่งไม่พบ EG.5.1 ในสัปดาห์นี้
ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญกับการติดตามโอมิครอน จำนวน8สายพันธุ์จากพื้นฐานของข้อมูลการเพิ่มความชุกหรือความได้เปรียบด้านอัตราการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆและการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการได้เปรียบในการก่อโรคได้แก่ สายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง หรือ Variants of Interest (VOI)2สายพันธุ์ ได้แก่ XBB.1.5* และ XBB.1.16*และสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง หรือ Variants under monitoring (VUM) 6สายพันธุ์ ได้แก่ BA.2.75*, CH.1.1*, XBB*, XBB.1.9.1*, XBB.1.9.2* และ XBB.2.3*
ทั้งนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังคงเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของเชื้อก่อโรคโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรายที่มีอาการรุนแรง หรือเสียชีวิต” นายแพทย์ศุภกิจ กล่าว