สธ. เปิดโครงการฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ภาคใต้ ช่วยผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

www.medi.co.th


กระทรวงสาธารณสุข โดย ศูนย์อนามัยที่ 11 นครศรีธรรมราช จัดโครงการรณรงค์ฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา ดูแลสุขภาพช่องปากให้กับผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีปัญหาสูญเสียฟันทั้งปากถึงร้อยละ 13.2 สูงสุดในประเทศ ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 11 และ 12 คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทันตบุคลากร ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไป ร่วมงานกว่า 400 คน กิจกรรมภายในงาน อาทิ การคัดกรองสุขภาพช่องปาก นิทรรศการ การให้ความรู้เรื่องสุขภาพช่องปาก และการถ่ายทอดประสบการณ์จริงจากผู้สูงอายุที่เคยฝังรากฟันเทียม เป็นต้น


นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพระดับประเทศ ทุก 5 ปี ของกรมอนามัย พบว่าในปี 2560 ผู้สูงอายุ 60 - 74 ปี มีฟันแท้เฉลี่ย 18 ซี่ต่อคน และเมื่ออายุสูงขึ้นเป็น 80 - 85 ปี จะลดลงเหลือเพียง 10 ซี่ต่อคน ส่วนผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันทั้งปากพบ ร้อยละ 8.7 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุอย่างมาก กระทรวงสาธารณสุข โดย ศูนย์อนามัยที่ 11 นครศรีธรรมราช จึงได้จัดโครงการรณรงค์ฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุในพื้นที่ภาคใต้ เข้าถึงบริการฟันเทียมและรากฟันเทียมซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงได้มากขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สอดคล้องตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่ประกาศให้ปี 2566 เป็นปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย รวมทั้งยังเป็นการช่วยสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่สูญเสียฟันทั้งปาก ได้รับรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ฟันเทียมและรากฟันเทียม ตลอดจนความรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปากภายหลังการใส่ฟันเทียมและฝังรากฟันเทียมด้วย


ด้าน นายแพทย์มณเฑียร กล่าวว่า ปัจจุบัน พื้นที่ภาคใต้มีผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันทั้งปากถึงร้อยละ 13.2 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผู้สูงอายุที่สันเหงือกในช่องปากละลายตัว สันเหงือกแบนราบ ทำให้มีปัญหาฟันเทียมไม่กระชับ หลุด หลวม ทำให้ไม่สามารถใช้บดเคี้ยวอาหารได้ จำเป็นต้องผ่าตัดฝังรากฟันเทียมในกระดูกขากรรไกรเพื่อรองรับฟันเทียมทั้งปาก โดยในปีงบประมาณ 2566 ทุกหน่วยบริการในภาคใต้ได้ให้บริการใส่ฟันเทียมทั้งปากหรือเกือบทั้งปากไปแล้ว 1,699 คน ส่วนรากฟันเทียม มีหน่วยบริการที่ขึ้นทะเบียนให้บริการในภาคใต้ 40 แห่ง และได้รับความร่วมมือจากหน่วยทันตกรรมพระราชทาน คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมให้บริการฝังรากฟันเทียมในพื้นที่เกาะสมุยและเกาะพะงันด้วย โดยให้บริการฝังรากฟันเทียมแล้ว 157 คน ได้รับการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมและอยู่ระหว่างการติดตาม 120 คน และมีผู้ขึ้นทะเบียนรอการฝังรากฟันเทียมอีก 110 คน


สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถติดต่อได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน โดย ฟันเทียม สามารถรับบริการได้ทุกสิทธิการรักษา โดยเบิกค่าใช้จ่ายตามสิทธิและไม่จำกัดอายุ ส่วนรากฟันเทียม จะเป็นสิทธิประโยชน์เฉพาะผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งทันตแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่ามีความจำเป็นต้องฝังรากฟันเทียมร่วมกับการใส่ฟันเทียม และส่งไปรับบริการยังโรงพยาบาลที่เป็นหน่วยบริการฝังรากฟันเทียมต่อไป