มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล สานต่ออนาคต “ขนมและของว่างเพื่อความยั่งยืน” เน้นสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภคและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม สู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2593

www.medi.co.th

– ในปัจจุบัน เทรนด์ความยั่งยืนยังคงเป็นประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจและนำมาปรับใช้ในทุกมิติของการใช้ชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงเรื่องการรับประทานขนมและของว่าง ความยั่งยืนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีจะบทบาทในการขับเคลื่อนทิศทางของนวัตกรรมการพัฒนาขนมและของว่างในอนาคต ในรายงานนโยบายด้านความรับผิดชอบสังคมประจำปี พ.ศ. 2565 ล่าสุดของบริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายขนมและของว่างแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อย่างคุกกี้โอรีโอ ลูกอมฮอลล์ หมากฝรั่งเดนทีน และช็อกโกแลตแคดเบอรี นอกจากจะอัพเดทความคืบหน้าด้านการดำเนินงานเพื่อตอบโจทย์ด้านสุขภาพและการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ข้อมูลจากรายงานดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ความยั่งยืนล่าสุดในตลาดขนมและของว่างระดับโลกที่
น่าจับตามอง ซึ่งถูกสานต่อมาสู่การดำเนินงานในประเทศไทยอีกด้วย


 


คุณณัฐณี เกษมรัฐกุล หัวหน้าฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านขนมและของว่าง บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ระดับโลกในการส่งเสริมการบริโภคขนมและของว่างอย่างเหมาะสม โดยยึดหลักการดำเนินงาน 4 ด้าน ได้แก่ การสร้างการเติบโต (Growth)การดำเนินงาน(Execution) การสร้างวัฒนธรรมองค์กร (Culture)และการพัฒนาความยั่งยืน(Sustainability) โดยการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภคและชุมชนต่าง ๆ และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานด้านการพัฒนาความยั่งยืนทั้งในระดับโลกและในระดับท้องถิ่นของเรามาโดยตลอด ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของเราในการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2593”


 


จากเป้าหมายดังกล่าว ในปี พ.ศ. 2565 โรงงานผลิตลูกอมและหมากฝรั่งในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ได้ดำเนินงานสอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวและบรรลุเป้าหมายในการประหยัดพลังงานผ่านโครงการต่าง ๆ และยังสามารถลดการใช้ทรัพยากรและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้โดย


 



  • ลดการใช้พลังงานลง 39% ในปี พ.ศ. 2565 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2561 โดยช่วยลดมลพิษจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 3,535 ตันต่อปี ซึ่งมีค่าเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 39,174 ต้น

  • ลดการใช้น้ำได้ถึง 22% เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2561 และลดปริมาณขยะอาหารได้ถึง 65% หรือ 1,042 ตัน

  • นำขยะกระดาษ พลาสติก และโลหะต่าง ๆ กลับมารีไซเคิลรวมกว่า 148 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 367 ตันต่อปี

  • ระบบผลิตไฟฟ้าบนหลังคาหรือโซลาร์รูฟท็อปเป็นแหล่งที่มาของพลังงานหมุนเวียนที่สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ปีละ 2,022,530 กิโลวัตต์-ชั่วโมง และลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 284 ตันต่อปี ซึ่งมีค่าเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 3,147 ต้น


 

นอกจากนี้ โรงงานอีกแห่งของมอนเดลีซซึ่งเป็นแหล่งการผลิตเครื่องดื่มชนิดผง ตั้งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ยังคงเดินหน้าดำเนินงานเพื่อสนับสนุนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ


 



  • เปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) 100% ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559

  • ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ 2 ตันต่อปี ทำให้กลายเป็นโรงงานของมอนเดลีซแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (AMEA) ที่ได้รับการรับรองด้านการก้าวสู่ความเป็นกลางด้านคาร์บอน (Carbon Neutral)

  • ลดการใช้น้ำ 45 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยไม่มีน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดถูกทิ้งออกสู่ภายนอกโรงงาน เนื่องจากโรงงานจะนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้ว กลับมารีไซเคิลเพื่อใช้เติมที่หอระบายความเย็น

  • เปลี่ยนขยะอาหารจากโรงงานเป็นวัตุดิบเริ่มต้นของอาหารสัตว์ และได้รับการรับรองว่าเป็นโรงงานที่สามารถกำจัดขยะให้เหลือศูนย์โดยใช้ประโยชน์จากของเสียได้ทั้งหมด (Zero Waste to Landfill Certificate) (พร้อมได้รับการตรวจสอบโดย SGS)

  • นำขยะกระดาษ พลาสติก ไม้ และโลหะต่าง ๆ กลับมารีไซเคิลรวม 117 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 440 ตันต่อปี


 


บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ยังมุ่งส่งเสริมการบริโภคขนมและของว่างอย่างเหมาะสม ด้วยการส่งเสริมสุขภาวะที่ดีด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น แทงก์ กัมมี่ส์ ที่เสริมวิตามินซี ลูกอมฮอลล์ เอ็กซ์เอส และหมากฝรั่งเดนทีน ชูการ์ฟรี ที่เป็นผลิตภัณฑ์ปราศจากน้ำตาลและหมากฝรั่งคลอเร็ทรีแคลเด้นท์ที่มีสารรีแคลเด้นท์ พร้อมแสดงข้อมูลโภชนาการบนบรรจุภัณฑ์ เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลในการเลือกรับประทานได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณที่ควรบริโภคต่อครั้ง และมีการควบคุมปริมาณพลังงานที่ได้รับต่อหนึ่งหน่วยบริโภคให้ไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี เพื่อสนับสนุนแนวคิดการบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมด้วย


 


อีกหนึ่งความมุ่งมั่นที่บริษัทฯ มีอย่างต่อเนื่อง คือการขยายการดำเนินงานเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีแก่ชุมชนในระดับท้องถิ่นผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น กิจกรรมพนักงานจิตอาสาร่วมปลูกต้นไม้ 300 ต้นในบริเวณสวน 15 นาที ณ ชุมชนตลาดแสงจันทร์ กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณชุมชนโดยรอบ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจัดการขยะอย่างถูกวิธีแก่เยาวชนในโครงการ “โรงเรียนรักษ์โลก แยกขยะลุ้นโชคกับมอนเดลีซ” (Trash Right Program) ภายใต้ความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการสานต่อกลยุทธ์และเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, Governance: ESG) ในระดับโลก   


มร. เดิร์ก แวน เดอ พุท ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ กล่าวว่า “จากการที่เราได้สร้างรากฐานการดำเนินงานที่แข็งแกร่งตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เราให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามนโยบายด้านความรับผิดชอบสังคม เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตที่นำไปสู่การบุกเบิกนวัตกรรมใหม่ ๆ และสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เหมาะสมกับประชากรและโลกของเรา ผมรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่การดำเนินงานของ บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ มีความคืบหน้าและเป็นไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้ ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงและความท้าทาย
ครั้งใหญ่ในปัจจุบัน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ชัดเจนของเราในการรักษาตำแหน่งผู้นำด้านขนมและของว่างอย่างต่อเนื่องในอนาคต”


 


ความคืบหน้าของการดำเนินงานของบริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ ในปี พ.ศ. 2565 ตามเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล[1] ประกอบด้วย


 



  • วัตถุดิบที่ยั่งยืน

    • 80% ของปริมาณโกโก้สำหรับแบรนด์ช็อกโกแลตมาจากโครงการโกโก้ ไลฟ์ (Cocoa Life) ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายการดำเนินงานของเราภายในปี พ.ศ. 2568

    • 98% ของปริมาณข้าวสาลีที่ใช้ในการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์บิสกิตในยุโรป มีที่มาจากโครงการฮาร์โมนี่ ชาร์เทอร์ (Harmony Charter) ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนการปลูกข้าวสาลีอย่างยั่งยืน

    • 100% ของน้ำมันปาล์มได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนที่ครอบคลุมมิติความยั่งยืนทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (Roundtable on Sustainable Palm Oil หรือ RSPO)





  • สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม

    • สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากขั้นตอนการผลิต 25% ณ สิ้นปี พ.ศ. 2565 (เทียบกับปี พ.ศ.2561)

    • ประมาณ 39% ของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานการผลิตเป็นพลังงานหมุนเวียน




 



  • บรรจุภัณฑ์

    • 96% ของบรรจุภัณฑ์ถูกออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้

    • ลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่โดยรวม 1.5% เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2563  

    • ลดการใช้วัสดุสำหรับบรรจุภัณฑ์ลง 72,600 ตัน




 



  • พนักงาน ชุมชน และสภาวะความเป็นอยู่ที่ดี

    • มีพนักงานผู้หญิงที่อยู่ในระดับผู้นำขององค์กร 40% และคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนเป็นสองเท่าภายในปี พ.ศ. 2567

    • 74% ของชุมชนที่อยู่ภายใต้โครงการ โกโก้ ไลฟ์ ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ได้รับการดูแลโดย Child Labor Monitoring and Remediation Systems หรือ CLMRS




 



  • การบริโภคขนมและของว่างอย่างเหมาะสม

    • 45% ของรายได้สุทธิมาจากผลิตภัณฑ์ ที่มีการแสดงข้อมูลการบริโภคขนมและของว่างในปริมาณที่เหมาะสมบนบรรจุภัณฑ์








[1] “สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล และความคืบหน้าการดำเนินงานสู่เป้าหมายต่าง ๆ ของเราจากรายงานนโยบายด้านความรับผิดชอบสังคมประจำปี พ.ศ. 2565 (Snacking Made Right 2022 Report) ที่เผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้ในหัวข้อ “ความคืบหน้าด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล” และ “เกี่ยวกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล” ในหน้า 10 ถึง 11 และหน้า 78”