ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผย ผู้ป่วยจิตเวชที่ก่อเหตุความรุนแรง ร้อยละ 80 เชื่อมโยงกับปัญหายาเสพติดคณะอนุกรรมการข้อมูลระบบบำบัดยาเสพติดจึงเห็นชอบให้เชื่อมระบบข้อมูลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของประเทศ (บสต.) กับข้อมูลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางจิตและพฤติกรรมที่เกิดจากการใช้สารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ในระบบคลังข้อมูล Health Data Center (HDC) เพื่อติดตามดูแลคุณภาพชีวิตผู้ป่วยยาเสพติดที่ได้รับการบำบัดรักษาอาการทางจิตอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนการประเมินผลคุณภาพชีวิต
ผู้ผ่านการบำบัดจากศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ผู้ป่วยมีอาการทางจิตเวชที่ก่อเหตุความรุนแรง พบว่า ร้อยละ 80 มีความเชื่อมโยงกับปัญหายาเสพติด ดังนั้นหากแก้ปัญหายาเสพติดได้ก็จะช่วยแก้ปัญหาผู้ป่วยจิตเวชก่อความรุนแรงในชุมชนได้ คณะอนุกรรมการข้อมูลระบบบำบัดยาเสพติด ซึ่งมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากกรมต่างๆ อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปปส. และ กทม. จึงเห็นชอบให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างระบบข้อมูลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของประเทศ (บสต.) และข้อมูลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางจิตและพฤติกรรมที่เกิดจากการใช้สารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ของกรมสุขภาพจิต ในระบบคลังข้อมูล Health Data Center (HDC) เพื่อบูรณาการการดูแลคุณภาพชีวิตผู้ป่วยยาเสพติดที่มีการบำบัดรักษาอาการทางจิตได้อย่างต่อเนื่องได้
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้มีการประเมินผลคุณภาพชีวิตผู้ผ่านการบำบัดจากศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม โดยปรับปรุงข้อมูลที่จะบันทึกในระบบ บสต. ในประเด็นสำคัญที่สามารถนำไปประเมินคุณภาพชีวิตผู้ที่ผ่านการบำบัดรักษาฯ ได้ ซึ่งปัจจุบันมีการวางแผนปรับปรุงเว็บไซต์และพัฒนาระบบข้อมูล บสต. ให้ใช้งานได้บน Mobile Application เพื่อความสะดวก รวมทั้งจะมีการประสานความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย หาแนวทางลดระยะเวลาอนุมัติสิทธิ์ทะเบียนราษฎร์ให้กับผู้ปฏิบัติงานในศูนย์คัดกรองต่างๆ ในการเข้าใช้ระบบ บสต. เนื่องจากปัจจุบันต้องใช้เวลาขออนุมัติสิทธิ์นาน 30-45 วัน ทำให้การลงข้อมูลผู้ป่วยล่าช้า
“เรื่องการเชื่อมโยงระบบข้อมูลต่างๆ ของผู้ป่วย ได้ย้ำให้ทุกหน่วยงานใช้ความระมัดระวังอย่างสูง ต้องคำนึงถึงกฎหมาย PDPA และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งในส่วนระบบการดูแลข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขขณะนี้มีความรัดกุมมาก และจะไม่เชื่อมโยงข้อมูลใดๆ ที่ไม่จำเป็น เพื่อป้องกันการถูกโจรกรรมข้อมูล” นพ.โอภาส กล่าว