นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรณีการดื่มน้ำต้มใบมะละกอสด โดยการนำใบสดมาหั่นและต้มดื่ม วันละหนึ่งแก้ว ด้วยความเชื่อว่าการดื่มน้ำต้มใบมะละกอสด 1 ถึง 2 ใบ มาหั่นแล้วต้ม ต่อน้ำประมาณ 2 ลิตร โดยดื่ม 1 แก้วต่อวัน สามารถรักษาโรคมะเร็งได้นั้น จากการทบทวนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจากฐานข้อมูลงานวิจัยทั่วโลก พบว่า ใบมะละกอมีสารอาหาร เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ไลโคปีน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดอาการอักเสบได้ โดยในบางประเทศใบมะละกอถือเป็นผักชนิดหนึ่ง สามารถรับประทานเป็นอาหารได้ ปัจจุบันมีเพียงงานวิจัยด้านประสิทธิผลในหลอดทดลอง และความปลอดภัยในสัตว์ทดลองเท่านั้น ยังต้องการการศึกษาผลของการใช้ในระยะยาวและต้องผ่านกระบวนการวิจัยเพิ่มเติมอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากมีผลต่อการทำงานของตับ ในขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยในมนุษย์ที่บ่งบอกว่ารักษาโรคมะเร็งได้ผล มีเพียงรายงานผู้ป่วยมะเร็ง จำนวน 2 ราย ที่ใช้สารสกัดจากน้ำใบมะละกอบำบัดร่วมกับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน การใช้น้ำต้มใบมะละกอสดจึงอาจใช้เป็นทางเลือกหนึ่งที่เสริมการรักษาจากการแพทย์แผนปัจจุบัน และในกรณีที่ไม่สามารถรักษาโดยวิธีการของการแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว จะมาใช้วิธีการนี้ก็ไม่เกิดผลเสียแต่อย่างใด ทั้งนี้หากรับประทานแต่อย่างเดียวติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจเกิดผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้ ที่สำคัญควรรับประทานพืชผักผลไม้ที่หลากหลายตามฤดูกาล จะส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่าที่จะดื่มน้ำต้มใบมะละกอนี้เพียงอย่างเดียว
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จะเริ่มการศึกษาวิจัยจากประสบการณ์การใช้น้ำต้มใบมะละกอสดในการบำบัดรักษาโรคมะเร็ง จากผู้ป่วยจริงที่ใช้อยู่ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ป่วยมะเร็งที่ดูแลรักษาตนเองด้วยน้ำต้มใบมะละกอจนมีสุขภาพดีขึ้นแล้ว หรือมีปัญหาทางสุขภาพจากการดื่มน้ำต้มใบมะละกอเพื่อรักษามะเร็งของตนเอง มาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับ ทีมงานวิจัยของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ที่ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 693 ถนนบำรุงเมือง แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100 ผู้ประสานงาน นางสาวพิมพ์ลดา พงศ์ชัยชานนท์ นายชุติวัติ หยู่ทองอินทร์ โทร 06 1772 0288 และ 06 1716 1704
นายแพทย์เทวัญ กล่าวในตอนท้ายว่า แนวทางการดูแลผู้ป่วยมะเร็งนั้น นอกจากการแพทย์แผนปัจจุบันที่ใช้อยู่แล้ว อาจต้องอาศัยการดูแลตนเองของผู้ป่วย ตั้งแต่การรับประทานอาหารที่สะอาดปราศจากสารพิษ สารอาหารครบถ้วนพอเพียง และหลากหลาย การออกกำลังกายที่พอเหมาะ การนอนหลับที่เพียงพอ การทำสมาธิ การฟังธรรม หรือการสนทนาธรรม หรือแม้กระทั่งการฟังเพลงที่ชื่นชอบ ก็สามารถช่วยผู้ป่วยมะเร็งได้ เช่นเดียวกัน