รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนขับเคลื่อน Money Safety MOPH+ ระยะที่สอง ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและออมสิน รุกปั้นผู้บริหารส่วนกลาง-ภูมิภาค เป็น “ครู ก.”ขับเคลื่อนแผนงานความปลอดภัยทางการเงิน ช่วยวางแผนแก้ไขปัญหาหนี้ในหน่วยงาน แก้หนี้ รายบุคคล ดูแลสวัสดิการ สร้างขวัญกำลังใจชาวสาธารณสุข เผยระยะแรกช่วยลดดอกเบี้ย 3 พันกว่าราย รวมกว่า 1.3 พันล้านบาท
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดทำแผนขับเคลื่อนแผนงานความมั่นคงปลอดภัยทางการเงิน (Money Safety MOPH+) กระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ภายใต้แนวคิด “ประตูสู่ความมั่นคงทางการเงิน คิดได้ ทำได้” โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารออมสิน เข้าร่วม
นพ.ชลน่านกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาหนี้สินของพี่น้องประชาชนที่ยังคงเผชิญปัญหาหนี้เรื้อรังทั้งในระบบและนอกระบบ โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ คืนศักดิ์ศรี คืนความหวัง และสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนคนไทย กระทรวงสาธารณสุข จึงเดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้สินของบุคลากร โดยกำหนดเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายการสร้างขวัญกำลังใจบุคลากร เนื่องจากเมื่อบุคลากรสาธารณสุขในฐานะผู้ให้บริการมีความสุขจะสามารถให้บริการที่ดี มีคุณภาพ และส่งต่อความสุขไปยังประชาชนผู้รับบริการ รวมถึงช่วยให้การบริการสุขภาพของไทยมีความยั่งยืน โดยการดำเนินงานในระยะแรก ได้รับความมือจากธนาคารออมสินในการให้สวัสดิการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับบุคลากร ช่วยแบ่งเบาความทุกข์ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของดอกเบี้ย สามารถนำเงินที่เหลือไปชำระหนี้ หรือใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นในชีวิตได้มากขึ้น เป็นการดูแลความเป็นอยู่ พัฒนาคุณภาพชีวิต รวมถึงพัฒนาระบบสร้างเสริมสุขภาพทางการเงินให้แก่บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขที่เข้าร่วมโครงการไปแล้ว 3,041 ราย วงเงิน 1,365.78 ล้านบาท
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า สำหรับการขับเคลื่อนระยะที่สอง กระทรวงสาธารณสุขได้รับความมือจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในการหาแนวทางช่วยเหลือบุคลากรที่ประสบปัญหาหนี้ท่วมตัว โดยเฉพาะผู้ที่เป็นหนี้เสีย (NPL) หนี้เรื้อรัง หนี้นอกระบบ โดยจะเข้ามาเป็นตัวกลางให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ครอบคลุมสินเชื่อรายย่อยทุกประเภท เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน เป็นต้น ทั้งนี้ การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ต้องรู้จักและเข้าใจบริหารจัดการหนี้ให้ถูกต้อง ซึ่งผู้บริหารและผู้แทนจากทั่วประเทศที่เข้าร่วมการประชุมในวันนี้ จะเป็นผู้ขับเคลื่อนแผนงานความมั่นคงปลอดภัยทางการเงิน (Money Safety MOPH+) ดูแลสวัสดิการ สร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรในหน่วยงานของตนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อพี่น้องชาวสาธารณสุข ทุกคน ทุกระดับ ทุกสาขาวิชาชีพ
ด้าน นพ.โอภาสกล่าวว่า การจัดประชุมครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับธนาคารแห่งประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.สร้างครู ก. ต้นแบบการขับเคลื่อนแผนงานความมั่นคงปลอดภัยทางการเงิน (Money Safety MOPH+) 2.เสริมสร้างความรู้ทางด้านการเงิน ตลอดจนการสร้างวินัยทางการเงินอย่างเป็นระบบ สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี 3.บูรณาการความร่วมมือเครือข่ายทางด้านการเงินระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอกกระทรวงสาธารณสุข ให้ผู้บริหารทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ และเกิดการขับเคลื่อนแผนงานความมั่นคงปลอดภัยทางการเงินที่สอดคล้องกันทุกระดับ ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยมีผู้บริหารระดับสูงทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจากทั่วประเทศร่วมประชุม จำนวน 500 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารกรมต่างๆ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข สาธารณสุขนิเทศก์ สำนักงานเขตสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน รวมทั้งเครือข่ายสถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารทหารไทยธนชาต เป็นต้น โดยจะมีการวางแผนแก้หนี้รายบุคคล การระดมสมองเพื่อจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาหนี้ภายในหน่วยงานด้วย