นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาระบบส่งตัวผู้ป่วยตามสิทธิบัตรทองว่า สนอ.ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางการให้บริการผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการปรับรูปแบบบริการและการจ่ายชดเชยค่าบริการเป็นแบบ OP New Model 5 เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อสรุปการให้บริการแก่ผู้ป่วยที่มาใช้บริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิไม่ตรงตามสิทธินั้น ให้หน่วยบริการปฐมภูมิพิจารณาให้บริการแก่ผู้ป่วยในกรณีอุบัติเหตุ/ฉุกเฉิน หรือเหตุสมควรได้ตามความเหมาะสม ส่วนกรณีที่ต้องส่งตัวผู้ป่วยไปรักษายังหน่วยบริการรับส่งต่อ เนื่องจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ปรับรูปแบบการเบิกจ่าย โดยให้หน่วยบริการปฐมภูมิตามสิทธิเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและการส่งต่อ จึงจำเป็นที่จะต้องให้ผู้ป่วยไปรับการประเมินอาการจากหน่วยบริการปฐมภูมิตามสิทธิก่อน หากเกินศักยภาพหน่วยบริการปฐมภูมิตามสิทธิจะส่งตัวผู้ป่วยไปรักษายังโรงพยาบาลรับส่งต่อต่อไป กรณีที่ไม่มีใบส่งต่อจากหน่วยบริการปฐมภูมิ หรือใบส่งต่อไม่ตรงตามสิทธิ ผู้ป่วยสามารถไปรักษาที่โรงพยาบาลรับส่งต่อได้ในกรณีอุบัติเหตุ/ฉุกเฉิน หรือเหตุสมควร ซึ่งโรงพยาบาลจะพิจารณาให้การรักษาตามกรณี
ทั้งนี้ สนอ.ได้จัดประชุมชี้แจงศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) กทม.ทั้ง 69 แห่ง เพื่อทราบแนวทาง การให้บริการผู้ป่วยกรณี New Model 5 โดยขอให้ ศบส.ให้บริการแก่ผู้ป่วยที่ไม่ตรงตามสิทธิในกรณีอุบัติเหตุ/ฉุกเฉิน หรือเหตุสมควร กรณีกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มีสิทธิที่หน่วยบริการปฐมภูมิอื่นมารับบริการที่ ศบส. โดย ศบส.จะให้การรักษาในเบื้องต้นและแนะนำให้ผู้ป่วยไปรับยาต่อเนื่องที่หน่วยปฐมภูมิตามสิทธิ พร้อมทั้งส่งประวัติการรักษาพยาบาลให้หน่วยบริการปฐมภูมิตามสิทธิ เพื่อประโยชน์แก่ผู้ป่วยที่จะได้รับการดูแลแบบใกล้บ้านใกล้ใจที่หน่วยบริการปฐมภูมิตามสิทธิของตนเอง หากมีความจำเป็นต้องได้รับการส่งต่อ หน่วยบริการปฐมภูมิตามสิทธิจะสามารถพิจารณาส่งต่อผู้ป่วยไปยังหน่วยบริการรับส่งต่อได้ทันที
นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม.กล่าวว่า สนพ.ได้หารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ สปสช.กำหนดแนวทางปฏิบัติกรณีผู้ป่วยบัตรทองส่งต่อโรงพยาบาล (รพ.) สังกัด กทม.จากที่ประชุมทุติยภูมิ-ตติยภูมิ ในกรณีการส่งต่อผู้ป่วย ซึ่งจะเป็นดุลพินิจของหน่วยบริการปฐมภูมิ แต่ประชาชนยังมีความกังวล ดังนั้น ในระยะยาวจะต้องจัดทำกลไกระบบส่งต่อ เพื่อรองรับประชาชนที่จำเป็นต้องเข้ารักษาที่ รพ.ช่วยลดความขัดแย้งกรณีการส่งต่อ โดยเฉพาะประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคที่มีความซับซ้อน หรือต้องใช้ยาราคาแพง ซึ่งเกินศักยภาพการดูแลของคลินิกชุมชนอบอุ่น เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่เห็นชอบร่วมกันให้ผู้ป่วยเข้ารับบริการได้ตามระบบ ซึ่งจะเสนอตั้งคณะกรรมการกลาง เพื่อชี้ขาดกรณีผู้ป่วยไม่ได้รับใบส่งตัวด้วย โดยเน้นย้ำว่า ประชาชนที่มีใบนัด มีใบส่งตัวเดิม ขอให้ไปที่ รพ.รับส่งต่อและรับบริการได้ปกติ ซึ่งที่ผ่านมา สปสช.ได้ชี้แจงและ รพ.รับทราบแนวทางแล้ว กรณีที่มีใบนัด แต่ไม่มีใบส่งตัวให้ รพ.พิจารณาให้การรักษาแล้วแต่กรณี ซึ่งสามารถเบิกกับ สปสช.ได้เช่นกัน