กระทรวงสาธารณสุข กองทัพอากาศ และกรุงเทพมหานคร ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดบริการทางการแพทย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้ประชาชน ข้าราชการกองทัพอากาศและครอบครัว รวมถึงข้าราชการสังกัดอื่นๆ ในโซนกรุงเทพมหานครตอนเหนือ พื้นที่เขตดอนเมืองและใกล้เคียง “เข้าถึง เข้าใกล้ และเข้าง่าย” ช่วยได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
วันนี้ (23 พฤษภาคม 2567) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายให้ นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างกองทัพอากาศ โดย พล.อ.อ. พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ กระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร โดย นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมกันจัดบริการสุขภาพอย่างเต็มระบบให้กับประชาชน ข้าราชการกองทัพอากาศและครอบครัว รวมถึงข้าราชการสังกัดอื่นๆ ในโซนกรุงเทพมหานครตอนเหนือ พื้นที่เขตดอนเมืองและใกล้เคียง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ผ่านมา ภายใต้นโยบาย “โรงพยาบาล กทม. 50 เขต 50 โรงพยาบาล และปริมณฑล” ได้ร่วมกันยกระดับโรงพยาบาลทหารอากาศ (สีกัน) ให้เป็นโรงพยาบาลเขตดอนเมือง ปัจจุบันให้บริการผู้ป่วยแล้ว 25,700 คน ส่วนใหญ่เป็นประชาชนทั่วไปถึง 90% อีก 10% เป็นข้าราชการกองทัพอากาศ นอกจากนี้ ยังมีโรงพยาบาลราชวิถี 2 (รังสิต) เป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อ ดูแลประชาชนโซน กทม. ตอนเหนือ และโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีคุ้มเกล้า รับส่งต่อดูแลประชาชนโซน กทม.ฝั่งตะวันออก คือ เขตมีนบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง สำหรับการลงนามฯ ครั้งนี้ จะร่วมมือกันพัฒนาการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ การส่งต่อผู้ป่วย บูรณาการระบบสุขภาพเพื่อพัฒนาหน่วยรักษาพยาบาลใกล้บ้าน ตลอดจนพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ร่วมกัน เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสและความสะดวกให้กับประชาชนในการรับบริการทางการแพทย์ที่ “เข้าถึง เข้าใกล้ และเข้าง่าย” และเป็นจุดเริ่มต้นในการต่อยอดขยายความร่วมมือกันมากขึ้นต่อไป
ด้าน พล.อ.อ. พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศมีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลในเขตดอนเมืองและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งนอกจากจะเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ให้กับประชาชน ข้าราชการกองทัพอากาศและครอบครัว รวมถึงข้าราชการสังกัดหน่วยงานอื่นๆ อีกจำนวนมาก ยังช่วยลดภาระบุคลากรทางการแพทย์และลดความแออัดในโรงพยาบาลรัฐได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว จะเพิ่มโอกาสในการช่วยชีวิตผู้ป่วยมากขึ้น ขณะที่การพัฒนาศักยภาพบุคลากร ทั้งด้านการศึกษา การอบรม และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน ก็จะนำไปสู่ความร่วมมือในการขยายระบบบริการทางการแพทย์ได้อย่างกว้างขวางต่อไป
ด้าน รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้แบ่งโซนสุขภาพออกเป็น 7 โซน เป็นการบูรณาการสุขภาพ ประกอบด้วย หน่วยบริการปฐมภูมิ ภาคีเครือข่าย และภาคประชาชน มุ่งเน้นการพัฒนาระบบปฐมภูมิ หรือหน่วยการรักษาพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้าน ซึ่งความร่วมมือในวันนี้ จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพแก่ประชาชนในโซนสุขภาพที่ 6 กรุงเทพเหนือ และจะเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบบริการสุขภาพในพื้นที่กรุงเทพมหานครโซนอื่นๆ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ให้ประชาชนเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ง่ายขึ้น อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมต่อไป
23 พฤษภาคม 2567