ม.มหิดลเจาะลึกโรคมะเร็ง-มอบองค์ความรู้ที่ถูกต้องเพื่อประชาชน ‘ใช้ชีวิตด้วยปัญญา’ในโลกที่เปลี่ยนแปลง

การดื่มแอลกอฮอล์นอกจากปลายทางจะพบกับ ความสูญเสีย จากอุบัติเหตุ ยังพบกับ ความเสี่ยง ต่อการเกิด โรคมะเร็ง หลายชนิด สาเหตุสำคัญเกิดจากสารเคมี อะเซตัลดีไฮด์” (Acetaldehyde) ที่มาจาก กระบวนการย่อยสลายแอลกอฮอล์ ของร่างกาย


จากข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร ซึ่งดำเนินการทุก 3 ปี โดย สำนักงานสถิติแห่งชาติ ล่าสุดปี พ.. 2564 จากการสำรวจร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป ร้อยละ 15.7 ดื่มนานๆ ครั้ง และ ดื่มแล้วขับบางครั้ง ร้อยละ 43.3 ในกลุ่มอายุ 25 - 44 ปี


จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า แม้ประเทศไทยจะมีการรณรงค์เมาไม่ขับอย่างต่อเนื่อง แต่คงไม่อาจตั้งเป้าหมายให้มีผู้ดื่มเครื่องดื่มจากแอลกอฮอล์เท่ากับศูนย์ แม้จะมีกฎหมายเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยบนท้องถนน ตั้งจุดตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์กันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล


ในฐานะสถาบันอุดมศึกษา การให้องค์ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน ด้วยปณิธานมุ่งสู่การเป็น ปัญญาของแผ่นดิน ของมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อให้สามารถ ใช้ชีวิตด้วยปัญญา ในโลกที่เปลี่ยนแปลง


โดยมีเป้าหมายให้ ดื่มอย่างมีสติ ด้วยความตระหนักถึง ผลกระทบจากแอลกอฮอล์ต่อสุขภาวะ น่าจะเป็นเหตุผลที่เหมาะสมที่สุดในการแสดงความมีส่วนร่วมทำให้สังคมไทยดีขึ้น


รองศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิงดุลยพร ตราชูธรรม หัวหน้ากลุ่มวิชาการและวิจัยด้านอาหารและโภชนาการ และกรรมการบริหารหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาพิษวิทยาและโภชนาการเพื่ออาหารปลอดภัย (ภาคปกติ และภาคพิเศษ) สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการวิจัยในกลุ่มตัวอย่างวัยเรียนและวัยทำงานที่มีอายุระหว่าง 20 - 50 ปี และไม่เคยป่วยด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง


โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ตามลักษณะทางพันธุกรรมตามข้อมูลทางมานุษยวิทยา ได้แก่ กลุ่มคนทั่วไป และกลุ่มผู้ที่มี ยีนหน้าแดง” (Mutant ALDH2)


จากการตั้งข้อสันนิษฐานว่าผู้ที่มีเชื้อสาย จีนฮั่นสีผิวขาวเหลือง มีแนวโน้มที่จะมีลักษณะทางพันธุกรรมที่เรียกว่า ยีนหน้าแดงซึ่งบกพร่องในการกำจัดสารพิษ อะเซตัลดีไฮด์” (Acetaldehyde) ที่มาจากการดื่มแอลกอฮอล์ สารพิษดังกล่าวเป็นต้นเหตุของอาการเมาสุรา และเป็นสารก่อมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งตับ มะเร็งช่องปากและคอหอย มะเร็งลำไส้ เป็นต้น


ผู้ที่มียีนหน้าแดงหลังดื่มแอลกอฮอล์เพียงแก้วเดียวจะมีผื่นแดง ขึ้นที่หน้า หู ลำคอ หรือตามลำตัว และมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง สูงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า


ผู้วิจัยจึงได้ให้ทั้ง 2 กลุ่มทดลองดื่ม นมเปรี้ยว เพื่อทดสอบผลต่อการลดพิษของแอลกอฮอล์ โดยเป็นนมเปรี้ยวที่บ่มด้วยจุลินทรีย์ที่มีสายพันธุ์เฉพาะซึ่งไม่มีจำหน่ายตามท้องตลาดโดยทั่วไป เพื่อการวิจัยเสริมคุณค่าในการป้องกันโรค และขยายผลสู่ผลิตภัณฑ์คุณภาพต่อไปในอนาคต


เมื่อให้ผู้เข้ารับการทดสอบดื่มนมเปรี้ยวในปริมาณ 150 มิลลิลิตร ประมาณ 5 นาทีก่อนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่าสามารถช่วยลดระดับการเกิด อะเซตัลดีไฮด์” (Acetaldehyde) ในเลือดและน้ำลาย ทั้งในคนที่มียีนหน้าแดงและคนทั่วไป ผลวิจัยได้รับการตีพิมพ์แล้วในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ “Food and Function”


อย่างไรก็ดีผู้วิจัยได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะทำให้ประชาชนเกิด ความตระหนัก ในเรื่องสุขภาพและอุบัติภัยที่จะนำไปสู่การสูญเสียชีวิตทั้ง ผู้ดื่มแล้วขับ และ ผู้ร่วมเดินทาง มากกว่าการมอบ ทางเลือกเพื่อลดเมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มี ยีนหน้าแดง ที่มี ข้อจำกัดสูง ในการ กำจัดสารพิษจากแอลกอฮอล์


โลกของการเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ผู้สนใจศึกษาเจาะลึกเกี่ยวกับ โภชนาการกับโรคมะเร็ง สามารถลงทะเบียนในโครงการเรียนรู้ตลอดชีพ MAP-C (Mahidol Apprenticeship Program Curriculum) ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล วิชา NUTS631


เพื่อรับข้อแนะนำต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดูแลตัวเอง และครอบครัว ตลอดจนขยายผลต่อยอดทางการศึกษา และการประกอบวิชาชีพ ได้แก่ ข้อแนะนำด้านอาหารสำหรับป้องกันโรคมะเร็ง การเรียนรู้เกี่ยวกับสารต้านมะเร็งในอาหาร และความปลอดภัยจากสารก่อมะเร็ง ไปจนถึงอิทธิพลของสารอาหารและสภาวะโภชนาการต่อการเกิดมะเร็ง ฯลฯ


และเพื่อให้เข้าถึงความรู้เรื่องโภชนาการมากยิ่งขึ้นในวงกว้าง ผู้สนใจทั่วไปสามารถลงทะเบียนออนไลน์เพื่อเข้ารับการอบรมระยะสั้นแบบกลุ่มคอร์ส (Bundle package) โดยมีให้เลือกเรียนได้ตามความสนใจ ได้ทุกที่ทุกเวลาพร้อมรับประกาศนียบัตรเมื่อวัดผลผ่านเกณฑ์ที่กำหนด ใน 4 คอร์ส ได้แก่ คอร์สสารก่อมะเร็ง คอร์สผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร : ความจำเป็นและความปลอดภัยอาหาร คอร์สโภชนาการพื้นฐานเพื่อการป้องกันโรค และคอร์สโภชนาการเพื่อควบคุมน้ำหนักอย่างปลอดภัย ทาง https://rb.gy/d6ph1z


โดยในอนาคตจะเปิดให้สามารถขยายผลจากการอบรมระยะสั้นเพื่อเก็บหน่วยกิตสะสมเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรปกติระดับบัณฑิตศึกษา ของ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ต่อไปอีกด้วย ติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook : พิษวิทยาและโภชนาการเพื่ออาหารปลอดภัย https://sites.google.com/view/inmutox


ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th


สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิตินวตาร ดิถีการุณ นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ)


งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 0-2849-6210