ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมการจัดการสุขภาพ ยกระดับการจัดบริการสาธารณสุขในยุคดิจิทัล พร้อมแสดงความยินดีกับนักการสาธารณสุขดีเด่น “รางวัลชัยนาทนเรนทร” ปี 2566 มอบ 6 รางวัลผลงานวิชาการยอดเยี่ยม ปี 2566 และ 2 รางวัลน้องใหม่ “SAP Award” ยกระดับหน่วยบริการดีเด่น และ “Care D+” เชิดชูเกียรติเขตสุขภาพด้านการสื่อสารอย่างเข้าอกเข้าใจ
วันนี้ (12 กันยายน 2567) ที่หอประชุมวงษ์ชวลิตกุล มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล จ.นครราชสีมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมการจัดการสุขภาพยั่งยืน สู่การยกระดับบริการสาธารณสุขในยุคดิจิทัล” โดยมี บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกสาขาวิชาชีพจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเข้าร่วมงาน ประมาณ 3,500 คน โดย นพ.โอภาส ได้กล่าวถึงความสำคัญของการจัดประชุมวิชาการฯ ว่า นอกจากเป็นเวทีแสดงผลงานการพัฒนางานทางการแพทย์และสาธารณสุข ยังเป็นช่องทางในการระดมความคิด เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งปีนี้มีการจัดบูธนิทรรศการให้ความรู้ถึง 30 บูธ และนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ 1,062 ผลงาน แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของวงการแพทย์และสาธารณสุขไทย และยังสามารถนำมาจดสิทธิบัตรเพื่อต่อยอดขยายผลทางการค้า ลดการนำเข้าเครื่องมือแพทย์จากต่างประเทศได้
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ในวันนี้ ได้ร่วมแสดงความยินดีกับนักการสาธารณสุขดีเด่น “รางวัลชัยนาทนเรนทร” ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงคุณค่าและเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดสำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข โดย 1) ประเภทวิชาการ ได้แก่ ศ.(เกียรติคุณ) นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิตร ที่ปรึกษาภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้บุกเบิกและวางรากฐานระบบงานป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ 2) ประเภทบริการ ได้แก่ นพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก แพทย์ชนบทดีเด่น 3) ประเภทผู้นำชุมชน ได้แก่ นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน จ.น่าน ผู้นำการขับเคลื่อนนโยบายสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โครงการ “จิตอาสาทำดี ที่เมืองน่าน” และ 4) ประเภทประชาชน ได้แก่ นางวันทิตย์ ชอบจิตต์ อสม. ต.ดงเจน จ.พะเยา ผู้ริเริ่มจัดตั้งศูนย์สุขภาพจิตในชุมชน “เฮือนแม่หญิงดงเจน”
สำหรับผลงานวิชาการยอดเยี่ยม ประจำปี 2566 มีผู้ได้รับรางวัล 6 คน ได้แก่ 1) นพ.ภาคิน ธนการเวคิน รพ.บรบือ จ.มหาสารคาม เรื่อง “การพัฒนารูปแบบการจัดบริการผ่าตัดแบบวันเดียวกลับและการผ่าตัดแผลเล็ก โรงพยาบาลบรบือ จังหวัดมหาสารคาม” 2) พญ.ชิดชนก ชูวงศ์โกมล รพ.มหาราชนครราชสีมา เรื่อง “Effect of a Single-dose Dexmedetomidine on Postoperative Delirium and Intraoperative Hemodynamic Outcomes in Elderly Hip Surgery; a Randomized Controlled Trial.” 3) นางสุภาพรณ์ ตัณฑ์สุระ รพ.ขอนแก่น เรื่อง “การพัฒนาต้นแบบระบบการดูแลต่อเนื่องหลังการดูแลฉุกเฉินในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและการบาดเจ็บที่สมอง จังหวัดขอนแก่น” 4) นางศิโรรัตน์ ชูสกุล รพ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เรื่อง “การพัฒนารูปแบบการบริการทางเภสัชกรรมผู้ป่วยในเพื่อป้องกันการแพ้ยาข้ามกัน ในกลุ่มยาที่มีโอกาสแพ้ข้ามกันสูง ภายใต้บริบทของโรงพยาบาลวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม” 5) นส.นิโลบล เชื่อมสันเทียะ รพ.มหาราชนครราชสีมา เรื่อง “ผลการประเมินความเหมาะสมของการสั่งใช้ NOACs ในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา” และ 6) นายภูริพัฒน์ กะมิง รพ.เทพา จ.สงขลา เรื่อง “Thepha Doctor เทคโนโลยีให้บริการสาธารณสุขเพื่อชุมชนและการให้บริการที่เสมอภาคเท่าเทียม อำเภอเทพา”
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า กระทรวงสาธารณสุขยังมีนโยบายพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลในสังกัดให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และเพิ่มคุณภาพการบริการด้วยการสื่อสารอย่างเข้าอกเข้าใจ โดยยกระดับโรงพยาบาลเป็น 3 ระดับ ได้แก่ โรงพยาบาลมาตรฐาน (Standard Hospital : S) โรงพยาบาลที่เป็นแหล่งฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข (Academy Hospital : A) และโรงพยาบาลที่ให้บริการขั้นสูง (Premium Hospital : P) และได้จัดให้มีการมอบรางวัลยกระดับหน่วยบริการดีเด่น หรือ SAP Award ประจำปี 2567 ขึ้นเป็นปีแรก ประกอบด้วย 1.โรงพยาบาล “ปรับโฉมดีเด่น” ระดับโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ได้แก่ โรงพยาบาลสวรรคประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ และโรงพยาบาลหนองคาย จ.หนองคาย ระดับโรงพยาบาลชุมชน ได้แก่ โรงพยาบาลโคกสูง จ.สระแก้ว และโรงพยาบาลสามชุก จ.สุพรรณบุรี และ 2.โรงพยาบาล “เอกลักษณ์โดดเด่น” ได้แก่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี จากการเป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์แผนไทย รวมทั้งมอบรางวัล “การดำเนินงานตามนโยบายการขับเคลื่อนการสื่อสารสาธารณะและสังคม (Care D+) ด้านการสื่อสารอย่างเข้าอกเข้าใจ ในระดับเขตสุขภาพ โดยเขตสุขภาพที่ 9 ได้รับรางวัลระดับยอดเยี่ยม (Platinum Award) เขตสุขภาพที่ 1 ได้รับรางวัลระดับดีเด่น (Gold Award) และเขตสุขภาพที่ 12 ได้รับรางวัลระดับดี (Silver Award)
12 กันยายน 2567