สปสช. แจ้งความคลินิกเอกชนอีก 3 แห่ง ข้อหาฉ้อโกงและนำข้อความอันเป็นเท็จไปลงไว้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หลังจากตรวจพบว่ามีการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจาก สปสช. โดยไม่มีผู้รับบริการจริง
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ช่วงสิ้นเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา สปสช. ได้มอบหมายตัวแทนเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคลินิกเอกชน จำนวน 3 แห่ง ในข้อหาฉ้อโกง ตามมาตรา 341 ประมวลกฎหมายอาญา และ ข้อหานำข้อความอันเป็นเท็จไปลงไว้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามมาตรา 14 (1) พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 เนื่องจากตรวจพบว่ามีการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจาก สปสช. โดยไม่มีผู้รับบริการจริง
สำหรับพฤติกรรมของหน่วยบริการทั้ง 3 แห่งนี้ คลินิกแห่งแรกตั้งอยู่ใน จ.นครราชสีมา โดยเมื่อเดือน พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา สปสช.เขต 9 นครราชสีมา ได้รับแจ้งว่าคลินิกดังกล่าวได้จัดบริการแจกยาที่ตลาดในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา และประชาสัมพันธ์ให้พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนบริเวณใกล้เคียงถือบัตรประชาชนมารับยาได้ฟรี โดยวันดังกล่าวมีผู้มารับบริการจำนวนกว่า 30 คนภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลการเบิกค่าใช้จ่ายพบว่า คลินิกดังกล่าวเรียกเก็บค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจเข้าข่ายมีมูลจากเอกสารหลักฐานที่เชื่อได้ว่าจะเกิดความอันเป็นเท็จ
นอกจากนี้ จากข้อมูลการเบิกจ่ายระหว่างวันที่ 1 มี.ค.- 9 พ.ค. 2567 พบว่ามีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจำนวน 3,859 ครั้ง แต่หน่วยบริการไม่จัดส่งเอกสารหลักฐานให้ตรวจสอบ 652 ครั้ง
ในส่วนของคลินิกแห่งที่ 2 ตั้งอยู่ใน จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งทาง สปสช. เขต 7 ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าคลินิกดังกล่าวมีการให้บริการดูแลสุขภาพผู้ป่วยที่บ้าน ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถควบคุมอาการเป็นจำนวนมาก โดยมีการบันทึกข้อมูลให้บริการเพื่อขอรับค่าใช้จ่าย จำนวน 728 ครั้ง แต่จัดส่งเอกสารหลักฐานให้ตรวจสอบได้ 340 ครั้ง และ ไม่สามารถจัดส่งเอกสารหลักฐานการลงเยี่ยมบ้านได้ 258 ครั้ง หรือคิดเป็น 35% ของข้อมูลการเบิกจ่ายทั้งหมด
ขณะที่ คลินิกแห่งที่ 3 ตั้งอยู่ใน จ.สระแก้ว โดยเมื่อเดือน ส.ค. 2567 ทางสายด่วน สปสช. 1330 ได้รับร้องเรียนจากผู้รับบริการรายหนึ่งว่าไปขอรับยาที่ร้านยาคุณภาพแต่ถูกปฏิเสธการให้บริการ เนื่องจากมีประวัติว่าไปรับบริการแล้วที่คลินิกแห่งนี้แล้ว ทั้งๆที่ตัวผู้ผู้รับบริการอยู่คนละจังหวัดและติดเรียนหนังสือ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปรับบริการตามที่มีการบันทึกประวัติการรับบริการไว้
สปสช.ได้ตรวจสอบข้อมูล พบว่าคลินิกแห่งนี้มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้อง ไม่พบหลักฐานการให้บริการ อีกทั้งจากการโทรศัพท์ตรวจสอบกับผู้รับบริการจำนวน 64 คน พบว่ามี 20 คนที่ไม่เคยได้รับบริการจากคลินิกแห่งนี้ นอกจากนี้แล้ว ยังพบว่าคลินิกดังกล่าวยังได้นำสำเนาบัตรประชาชนของนักศึกษาของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งไปบันทึกเบิกค่าบริการถึง 88 ราย รวมความเสียหายจากการเบิกจ่ายทั้งหมด 117,000 บาท