สอบสวนกลางร่วม สบส.-อย.- สสจ.ปทุมธานี จับกุมคลินิกเถื่อนลักลอบตรวจรับรองผลโควิด

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ,พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง, พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์,พ.ต.อ.สมเกียรติ ตันติกนกพร รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.เน

ในวันที่ 13 ธันวาคม 2564 เจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังลงพื้นที่ดำเนินการตรวจสอบ ณ คลินิกเทคนิคการแพทย์ ดี แล็บ อินเตอร์กรุ๊ป ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านกระแซง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี โดยจากการตรวจสอบพบว่า คลินิกดังกล่าวให้บริการตรวจคัดกรองโรคโควิด 19 แก่ประชาชนด้วยชุดตรวจ ATK รายละ 500 บาท และออกใบรับรองผลในนามคลินิก โดยที่ไม่ได้ขออนุญาตประกอบกิจการกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี แต่มีการนำใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลจากสถานพยาบาลอื่นมาแสดงแก่ผู้มารับบริการเพื่อความน่าเชื่อถืออีกทั้งเจ้าหน้าที่รวมถึงผู้ให้บริการและผู้ช่วยซึ่งอยู่ประจำคลินิกมิใช่แพทย์ หรือนักเทคนิคการแพทย์แต่อย่างใดและจากการตรวจสอบสถานที่แห่งนี้พบว่ามีการจัดเก็บตัวอย่างเลือดและตัวอย่างปัสสาวะหลายพันชิ้น ที่ได้จากการออกไปรับตรวจตามโรงงานหรือบริษัทต่างๆ มาเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นโดยไม่ถูกสุขลักษณะประกอบกับการตรวจสอบเครื่องมือที่ใช้ในคลินิก ทำให้เห็นได้ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่กระทำการตามมาตรฐานวิชาชีพเทคนิคการแพทย์และมาตรฐานของสถานพยาบาลและประการสำคัญได้ตรวจพบว่าไม่มีการเก็บขยะติดเชื้อที่เป็นไปตามมาตรฐาน เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย คือ 1) น.ส.วาสิตา (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดูแลสถานที่ ในความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาต (คลินิกเถื่อน) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ2) น.ส.พรนภา (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ให้บริการตรวจขณะเข้าทำการตรวจสอบ ในความผิดตามพระราชบัญญัติเทคนิคการแพทย์ พ.ศ.2547 ฐานประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมยึดของกลางที่ใช้ประกอบการกระทำความผิด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายแพทย์ธเรศกรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพกล่าวว่า การตรวจสารคัดหลั่งของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะต้องกระทำในคลินิก หรือห้องปฏิบัติการที่มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มิฉะนั้น ก็อาจจะเป็นการเสียเวลาและเงินทองโดยเปล่าประโยชน์ ด้วยการที่ผู้ให้บริการขาดความชำนาญหรืออุปกรณ์การตรวจคัดกรองที่ไม่ได้มาตรฐานผลตรวจที่ได้ก็อาจจะขาดความเที่ยงตรง อีกทั้งวิธีการที่ไม่ถูกต้องก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือการระบาดจากสถานที่เก็บตัวอย่าง จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลทุกครั้งก่อนรับบริการ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อคลินิกที่ขึ้นทะเบียนได้ที่เว็บไซต์กองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (http://mrd-hss.moph.go.th/) และในส่วนของห้องปฏิบัติการหรือห้องแล็บที่ตรวจคัดกรองด้วยวิธี RT-PCR สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่เว็บไซต์กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (https://www.dmsc.moph.go.th/) ซึ่งจะมีการแสดงที่ตั้งของสถานพยาบาล หรือห้องปฏิบัติการเหล่านั้นอย่างชัดเจน หากตรวจสอบรายชื่อไม่พบ หรือสถานที่ตั้งไม่ตรงกับที่แสดงในเว็บไซต์ ขอให้ตั้งข้อสงสัยไว้เบื้องต้นว่าเป็นคลินิกเถื่อน หรือห้องแล็บเถื่อนให้หลีกเลี่ยงรับบริการ และแจ้งเบาะแสมาที่สายด่วน 1426 กรม สบส.ในวันและเวลาราชการ แต่หากอยู่ในส่วนภูมิภาคก็สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. กล่าวว่าจึงขอฝากความห่วงใยถึงพี่น้องประชาชนควรศึกษาข้อมูลของสถานพยาบาลและแพทย์ประจำสถานพยาบาลดังกล่าวก่อนที่จะเข้ารับบริการ เพื่อความปลอดภัยและได้รับผลการตรวจวิเคราะห์ที่ถูกต้อง แม่นยำแก่ตัวท่านเองและแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นสถานพยาบาลเถื่อนหรือผู้ที่มิใช่แพทย์หรือนักเทคนิคการแพทย์ แต่ทำการรักษาหรือตรวจวิเคราะห์ให้กับประชาชนทั่วไปโดยไม่ได้รับอนุญาตให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด พี่น้องประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลการกระทำความผิดได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค
ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทน
รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวในตอนท้ายว่าเทคนิคการตรวจด้วยชุดทดสอบตรวจหาแอนติเจนเบื้องต้น(Antigen test kit: ATK) ได้ถูกนำมาใช้ในการตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกเพื่อคัดกรองการติดเชื้อโควิด 19
ในเบื้องต้นซึ่งในปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบคือแบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง(home use) และแบบใช้โดยบุคลากรทางการแพทย์ (professional use) เท่านั้น ซึ่งทั้ง 2 แบบ ต่างกันที่อุปกรณ์และตำแหน่งการเก็บตัวอย่าง กรณีชุดตรวจด้วยตนเองจะเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกด้านหน้า (nasal swab) หรือน้ำลาย (saliva) ส่วนชุดตรวจสำหรับบุคลากรทางการแพทย์จะเก็บตัวอย่างจากเยื่อบุด้านหลังโพรงจมูก (Nasopharyngeal swab) ไม้เก็บตัวอย่างจะมีขนาดยาวกว่า ต้องใช้เทคนิคในการเก็บตัวอย่างเพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำและไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพบว่า ชุดทดสอบที่ใช้ตรวจหาแอนติเจนเป็นแบบตรวจด้วยตนเอง(home use) ซึ่งได้รับอนุญาตจาก อย. อย่างถูกต้อง แต่เป็นการกระทำของผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์และไม่มีความรู้ความชำนาญในการเก็บตัวอย่างที่ถูกต้อง อีกทั้งสถานที่ดังกล่าวยังไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง เมื่อท่านไปใช้บริการจากคลินิกดังกล่าวเพื่อหวังว่าจะได้รับผลการตรวจที่แม่นยำ สามารถออกใบรับรองเพื่อใช้ประกอบการทำธุรกรรมต่าง ๆ ก็จะเป็นการเสียเวลา เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้น ขอย้ำให้ประชาชนตรวจสอบว่า สถานพยาบาลที่ท่านเข้ารับการตรวจได้รับอนุญาตให้ตรวจหาเชื้อโควิด 19 อย่างถูกกฎหมาย และตรวจสอบว่าชุดทดสอบที่นำมาใช้ตรวจให้ท่านได้รับอนุญาตจาก อย. แล้ว โดยตรวจสอบที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.thและหากพบผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าจะผิดกฎหมาย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรืออีเมล์ 1556@fda.moph.go.th