กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โชว์อัตลักษณ์มรดกภูมิปัญญานวดไทย สร้างความประทับใจบนเวทีโลก ในงาน World Expo 2025 Osaka Kansai ณ นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ตลอด 3 วัน ระหว่าง วันที่ 13 – 15 เมษายน 2568 มีผู้เข้าชมและร่วมกิจกรรมกว่า 18,000 คน

นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เผยความสำเร็จการจัดงาน World Expo 2025 Osaka Kansai ณ นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โดยทางกรมฯได้เฟ้นหาหมอนวดไทยที่เป็นตัวแทนของประเทศไทย ในด้านวัฒนธรรมการนวดไทย เป็นต้นแบบที่ถูกต้องและมีความเชี่ยวชาญด้านการนวดไทย เน้นกลุ่มอาการ Office Syndrome เพื่อเผยแพร่คุณค่าของศาสตร์นวดไทยที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ งานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 เมษายน – 13 ตุลาคม 2568 โดย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ร่วมจัดนิทรรศการชั่วคราว (Temporary Exhibition) ระหว่างวันที่ 13 เมษายน – 6 พฤษภาคม 2568 ภายใต้แนวคิด “Nuad Thai: Intangible Heritage and Thailand’s Herbal Gift” ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการเผยแพร่ศิลปะนวดไทยสู่สายตาชาวญี่ปุ่นและนานาชาติอย่างกว้างขวาง
จากรายงานผลการจัดกิจกรรมภายในงาน เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 พบว่า การสาธิตนวดไทยเฉพาะทางและการยืดเหยียดตามศาสตร์แผนไทย ได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานรวมทั้งสิ้น 141 คน โดยแบ่งเป็นผู้เข้าร่วมภายในอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) จำนวน 93 คน และบริเวณพื้นที่จัดกิจกรรมภายนอก อีก 51 คน โดยกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ได้แก่ ชาวญี่ปุ่น จีน และยุโรป คิดเป็นร้อยละ 80 ของผู้เข้าร่วมทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสอนสาธิต “ฤาษีดัดตน” ซึ่งเป็นกายบริหารแบบไทย โดยได้รับความสนใจ อย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมภายในอาคารนิทรรศการจำนวน 122 คน และภายนอกอีก 15 คน ในส่วนของนิทรรศการชั่วคราว “Thailand’s Herbal Gift” ซึ่งจัดแสดงภายในอาคารนิทรรศการไทย ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้เข้าชมทั่วโลก โดยในช่วง 3 วันแรก ระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน 2568 มียอด ผู้เข้าชมรวมทั้งสิ้น 18,076 คน แบ่งเป็น วันที่ 13 เมษายน จำนวน 7,200 คน วันที่ 14 เมษายน จำนวน 6,224 คน และ วันที่ 15 เมษายน จำนวน 4,652 คน
นายแพทย์สมฤกษ์ กล่าวในตอนท้ายว่า การมีส่วนร่วมของประเทศไทยในงาน World Expo 2025 ครั้งนี้ สะท้อนถึงความสามารถในการใช้ “Soft Power” อย่างภูมิปัญญาไทยด้านนวดและสมุนไพร มาเชื่อมโยงกับชาวโลกได้อย่างน่าภาคภูมิใจ พร้อมเดินหน้าผลักดันมรดกวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ต่อไป