“อนุทิน” เผย คกก.ควบคุมยาเสพติด มีมติปลดกัญชาจากยาเสพติดประเภทที่ 5

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผย คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดมีมติเสียงส่วนใหญ่ ปลดกัญชาออกจากรายชื่อยาเสพติดประเภทที่ 5 เตรียมเสนอ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ. .... ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดวันที่ 25 มกราคม 2565


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ (20 มกราคม 2565) ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มีมติเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ. .... ซึ่งไม่มีการระบุ “พืชกัญชา” เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ถือว่าเป็นการปลดล็อคกัญชา ตอบสนองนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการพัฒนาพืชกัญชา กัญชง เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพ ตลอดจนพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์ในการเสริมสร้างรายได้ของประชาชน โดยเตรียมเสนอร่างฯ ดังกล่าว
ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด วันที่ 25 มกราคม 2565 นี้


นายอนุทินกล่าวว่า ผลการประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯ ค่อนข้างจะสมบูรณ์แล้ว ซึ่งเมื่อร่างฯ ฉบับนี้ขึ้นไปยังคณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติ ต้องถือว่าเป็นร่างฯ ที่ได้รับการเห็นชอบโดยคณะกรรมการทุกขั้นตอนแล้ว ตั้งแต่อนุกรรมการ คณะกรรมการควบคุมยาเสพติด เหลือเพียงนำส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และขอให้ความมั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล ที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อที่ประชุมของรัฐสภาเมื่อครั้งเข้ามาดำรงตำแหน่ง ได้ใช้เวลามากกว่า 2 ปีครึ่งในการดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ความตั้งใจที่จะดูแลปัญหาปากท้องของประชาชน เป็นทางเลือกในการเสริมสร้างรายได้ประกอบอาชีพ และจะทำให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง มียาที่มารักษาโรคอันทรมานต่าง ๆ จากกัญชาได้


“วันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว เหลือเพียงขั้นตอนของคณะกรรมการ ป.ป.ส. ที่จะต้องให้การรับรองร่างฯ ระบุชื่อยาเสพติดประเภทที่ 5 ฉบับใหม่นี้ ซึ่งทำมาให้สอดคล้องกับประมวลกฎหมายยาเสพติด ปี 2564 ไม่มีคำว่ากัญชาอยู่ ทั้งนี้ ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ประโยชน์ของบ้านเมือง กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แต่จะมาเป็นพืชเศรษฐกิจอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับประชาชนคนไทย สิ่งนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด”นายอนุทินกล่าว


สำหรับการปลูกกัญชา ขณะนี้ประชาชนสามารถปลูกในรูปแบบของวิสาหกิจชุมชน นำไปใช้เพื่อเป็นวัตถุดิบในการสร้างผลิตภัณฑ์สุขภาพ ผลิตยาที่มาใช้รักษาผู้ป่วย ได้อนุมัติให้ปลูกไปแล้วมากกว่า 4,000 ไร่ สิ่งที่ทำในวันนี้ คือการทำให้เกิดความสะดวกแก่ประชาชนในการปลูก เพื่อนำมาใช้เป็นสินค้า ใบ ราก และต้น นำมาขายได้ ส่วนดอกที่สกัดมาแล้ว THC ไม่เกิน 0.2% สามารถนำมาสร้างรายได้ได้ ซึ่งเป็นระดับที่องค์การอนามัยโลกยอมรับว่าเป็นประโยชน์ ส่วน CBD เป็นส่วนที่มีประโยชน์ซึ่งได้เข้ามาควบคุมแล้ว สำหรับการนำมาสูบซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายจะมีการออกกฎหมายและ พ.ร.บ.มารองรับ ควบคุมเหมือนพืชกระท่อม ที่กระทรวงสาธารณสุขและ อย.ให้การพิจารณาสนับสนุนเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยคำนึงถึงรายได้ ปากท้องประชาชนและทางการแพทย์เป็นหลัก ส่วนเรื่องอนุสัญญาระหว่างประเทศได้ระบุไว้ว่า หากใช้ทางการแพทย์และการวิจัยใช้พัฒนาเทคโนโลยีเสริมสร้างรายได้ให้ประชาชนสามารถทำได้ ซึ่งจะมีการชี้แจงต่อไป