สธ. ร่วมกับหลายภาคส่วนเร่งขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมผลิตยาในประเทศ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมยา ปี 2570 คาดการณ์เพิ่มมูลค่าผลิตยาได้กว่า 1 แสนล้านบาท และได้ประกาศเพิ่มยาสมุนไพรและยาจำเป็นเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติสำเร็จแล้ว เช่น ยาน้ำมันสารสกัดกัญชา ยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง พร้อมปักหมุดให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง นำประเทศสู่ระบบสุขภาพที่มั่นคงและยั่งยืน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะประธานกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติว่า สาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ คือ เห็นชอบต่อกรอบความร่วมมือของภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมผลิตยาในประเทศ ปี 2566-2570 ตั้งแต่การวิจัยพัฒนา การขึ้นทะเบียน การผลิต การจำหน่ายยาและส่งออก จำนวน 6 ประเด็นสำคัญ เพื่อผลักดันยานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง และขยายฐานการตลาดส่งออก โดยมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการผลิตยากว่า 1 แสนล้านบาท และขยายตลาดส่งออกให้ได้ 1.3 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้างความมั่นคงทางยาของประเทศนอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่สำคัญของคณะกรรมการฯ ได้แก่ การเพิ่มยาสมุนไพร 14 รายการและยาจำเป็น ผ่านกลไกบัญชียาหลักแห่งชาติ เช่น ยาน้ำมันสารสกัดกัญชา สารสกัดฟ้าทะลายโจร ยาสูตรผสมรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง ยารักษามะเร็งปอดระยะลุกลามถึงแพร่กระจาย เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาจำเป็นได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 หมื่นคนต่อปี รวมถึงการปรับปรุงราคากลางยาให้ทันสมัยเพิ่มเติมอีก 371 รายการ โดยคาดการณ์ว่ารัฐจะสามารถประหยัดงบประมาณได้ถึง 1,500ล้านบาท ในปี 2565นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ได้ประกาศนโยบายเพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่การใช้ยาอย่างสมเหตุผล (RDU country) โดยมีแนวทางความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระดับกระทรวงและหน่วยงานในส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนในส่วนภูมิภาค และ ส่วนท้องถิ่น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า ภาคีเครือข่ายจะร่วมกันเร่งผลักดันขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมผลิตยาในประเทศ รวมทั้งเพิ่มสมุนไพรและยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยาจำเป็น และใช้ยาสมเหตุผล ส่งผลให้ประเทศมีความมั่นคงด้านยาอย่างยั่งยืน