DKSH เปิดตัวแคมเปญ “V Care” มุ่งส่งเสริมความรู้ด้านการใช้ยาจำเป็นผ่านเครือข่ายร้านขายยาทั่วประเทศ

ข่าวประชาสัมพันธ์

DKSH ได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ตราไวทัลแคลร์ (Vitalklares) แก่ร้านขายยา และองค์กรเพื่อสังคมกว่า 20 แห่งทั่วประเทศที่เข้าร่วม เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาและอาหารเสริมที่จำเป็นต้องใช้ เมื่อมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ถูกต้อง

          หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวโครงการ “V Care” ร่วมกับร้านขายยากว่า 20 แห่งในกรุงเทพมหานครฯ และจังหวัดอื่น ๆ พร้อมด้วย มูลนิธิเภสัชกรรมชุมชน และกลุ่มอาสาสมัครเพจ “เราต้องรอด” โดยโครงการ V Care นำโดย ไวทัลแคลร์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพซึ่งทำการตลาดและจัดจำหน่ายโดย บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด มีเป้าหมายในการส่งเสริมความตระหนักรู้และให้ความรู้ให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาจำเป็นที่ควรมีติดบ้านในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
          ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนงานด้านสาธารณสุขของไทย พันธกิจของโครงการ V Care คือ การส่งเสริมความรู้และความเข้าใจให้แก่เภสัชกรและผู้บริโภค เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจำเป็นที่ควรมีติดบ้านเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งบำรุงรักษาสุขภาพ โดยผลิตภัณฑ์บางส่วนครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์ของไวทัลแคลร์ อาทิ วิตามินและอาหารเสริม รวมถึงยาฟ้าทะลายโจร
          นอกจากนี้ ไวทัลแคลร์ ยังได้มอบผลิตภัณฑ์จำนวนหนึ่งให้แก่ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ มูลนิธิเภสัชกรรมชุมชน และกลุ่มอาสาสมัครเพจ “เราต้องรอด” เพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการศึกษา และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อบุคคลากรอาสาที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ในชุมชนต่างๆและประชาชน
          จอห์น แคลร์ รองประธานฝ่ายบริหาร หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ประเทศไทยและอินโดจีน (เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา) บริษัท DKSH กล่าวว่า “ในสองปีที่ผ่านมา DKSH ได้มีบทบาทสำคัญระดับแนวหน้าในการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั่วประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน กว่า 72 ล้านโดส เรามีโอกาสและหน้าที่ในการสนับสนุนผู้ป่วยชาวไทยอีกครั้งด้วยการส่งเสริมความรู้ที่จำเป็น รวมทั้งโภชนาการและสุขภาพที่ดี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และการเจ็บป่วยอื่น ๆ ดังนั้น จากการดำเนินโครงการ V Care เราตั้งมั่นที่จะช่วยให้ชุมชนในพื้นที่ได้รับความรู้และสื่อความรู้ที่ถูกต้องในการเข้าถึงยาที่จำเป็นในช่วงเวลาอันท้าทายเช่นนี้”