วัณโรคปอด

วัณโรคปอดคืออะไร
          ผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคเป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงชนิดหนึ่ง ซึ่งโดยมากแล้วจะมีผลต่อปอด หรือที่เรียกว่า “วัณโรคปอด” ทั้งนี้ วัณโรคปอดเป็นโรคติดต่อและสามารถแพร่สู่คนผ่านละอองฝอยจากการไอและจามได้
ผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคปอดมีอาการอย่างไร
          วัณโรคมีอยู่ 2 ประเภท คือ วัณโรคแฝง และวัณโรคระยะแสดงอาการหรือระยะกำเริบ คนที่มีวัณโรคแฝงจะไม่แสดงอาการ และวัณโรคชนิดนี้จะไม่แพร่กระจายไปยังบุคคลอื่น อย่างไรก็ดี วัณโรคแฝงอาจกลายมาเป็นวัณโรคระยะแสดงอาการหรือระยะกำเริบได้ และจำเป็นต้องได้รับการรักษาเช่นเดียวกัน ในขณะที่วัณโรคระยะแสดงอาการหรือระยะกำเริบนั้นทําให้ผู้ป่วยมีอาการของวัณโรค และสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้


ผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคระยะแสดงอาการหรือระยะกำเริบอาจมีอาการดังต่อไปนี้:
          -มีอาการไอเรื้อรังยาวนานถึง 3 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น
          -ไอแล้วเสมหะมีเลือดปนออกมา
          -มีอาการเจ็บหน้าอกขณะหายใจหรือไอ
         -มีอาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
          -มีน้ำหนักลดแบบไม่ทราบสาเหตุ
          -มีอาการอ่อนเพลีย
          -มีไข้ หรือมีเหงื่อออกในเวลากลางคืน
           -รู้สึกหนาวสั่น
           -รู้สึกไม่อยากอาหาร
          โดยทั่วไปแล้ว วัณโรคอาจเป็นกันได้ตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายนอกเหนือจากปอดก็ได้ เช่น ไต กระดูกสันหลัง หรือสมอง โดยจะมีอาการแตกต่างกันไปตามบริเวณร่างกายที่เกิด เช่น ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดหลังหากวัณโรคลงกระดูกสันหลัง และผู้ป่วยอาจมีเลือดในปัสสาวะหากวัณโรคลงไต


เมื่อต้องพบแพทย์:
          ผู้ป่วยวัณโรคปอดจะมีไข้ น้ำหนักลดโดยหาคำอธิบายไม่ได้ มีเหงื่อออกในเวลากลางคืน หรือไอเรื้อรังโดยนิยามคือ มากกว่า 3 สัปดาห์ หากมีอาการเหล่านี้ ผู้ป่วยควรพบแพทย์ทันที โดยแพทย์อาจใช้วิธีซักประวัติ ตรวจร่างกาย และผลปฏิบัติการเพิ่มเติมเพื่อระบุสาเหตุของโรค


สาเหตุของวัณโรคปอด คืออะไร
          โดยทั่วไปแล้ว วัณโรคปอดมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis ที่ทำให้เกิดโรคที่รับผ่านกันมาจากละอองฝอยทางอากาศ วัณโรคเป็นโรคติดต่อ แต่ก็ไม่ได้ติดกันง่าย ๆ ซึ่งหมายความว่า ผู้ป่วยมีแนวโน้มที่จะติดโรคจากคนใกล้ชิดหรือคนที่ทํางานด้วยกัน ไม่ใช่คนแปลกหน้า อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีเชื้อเอชไอวีหรือเอดส์จะได้รับเชื้อและเกิดวัณโรคง่ายกว่าคนทั่วไป เนื่องจากมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ นอกจากนี้ เชื้อวัณโรคบางชนิดมีการดื้อยา โดยเฉพาะกลุ่มยาไอโซไนอาซิดและไรแฟมพิซิน


ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดวัณโรคปอดมีอะไรบ้าง
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดวัณโรคปอดมีหลายอย่าง เช่น:
          -มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เนื่องจากมีโรคบางอย่างหรือเข้ารับการรักษาบางประเภท เช่น เป็นเอดส์ หรือกำลังทำเคมีบําบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง
         -เดินทางหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดวัณโรคสูง
         -กำลังใช้สารบางอย่าง เช่น สูบบุหรี่ ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
         -ไม่มีบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขให้ผู้ป่วยได้เข้าใช้บริการ
         -อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรค เช่น กำลังอาศัยอยู่หรือเคยทำงานในสถานพยาบาล หรือกำลังอาศัยอยู่ในหรืออพยพมาอยู่ในประเทศที่มีการติดเชื้อวัณโรคสูง หรือกำลังอาศัยอยู่กับผู้ที่ติดเชื้อวัณโรค


แพทย์วินิจฉัยวัณโรคปอดได้อย่างไร
          โดยปกติแล้วแพทย์มักเริ่มด้วยซักประวัติและการตรวจร่างกาย เช่น การตรวจต่อมน้ำเหลืองของผู้ป่วย หรือใช้หูฟัง (Stethoscope) เพื่อฟังเสียงในปอดขณะหายใจ นอกจากนี้ แพทย์อาจเลือกใช้การตรวจอื่น ๆ ด้วย เช่น การตรวจผิวภูมิต้านทานเฉพาะ การตรวจเลือด การตรวจวินิจฉัยด้วยภาพถ่าย X-Ray และการตรวจเสมหะ


แพทย์รักษาวัณโรคปอดอย่างไร
         แพทย์มักเลือกใช้ยาในการรักษาวัณโรคปอด ซึ่งใช้เวลาในการรักษานานกว่าโรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่น การรักษาวัณโรคปอดอาจแตกต่างกัน ไปดังนี้:
ยารักษาวัณโรคปอดที่ใช้บ่อยที่สุด:
          แพทย์อาจเลือกใช้ยารักษาผู้ป่วยที่เป็นวัณโรค ดังต่อไปนี้:
          -ไอโซไนอะซิด (Isoniazid)
          -ริฟามพิน (Rifampin)
          -เอทแทมบูท (Ethambutol)
          -ไพราซีนาไมด์ (Pyrazinamide)
ทั้งนี้ แพทย์อาจสั่งยาเพิ่มเติมในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นวัณโรคชนิดที่ดื้อยาแล้ว เช่น:
          -เบดาไคลีน (Bedaquiline)
         -ไลน์โซลิด (Linezolid)


การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์:
ก่อนพบแพทย์ ผู้ป่วยวัณโรคปอดควรเตรียมตัวดังนี้:
ทราบถึงข้อกำหนดต่าง ๆ ก่อนพบแพทย์
         -จดบันทึกอาการของโรคที่มี
         -เตรียมรายการข้อมูลส่วนตัว เช่น มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง หรือประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ
         -เตรียมรายการยา วิตามินหรืออาหารเสริมที่ผู้ป่วยเคยใช้หรือกำลังใช้
          -เตรียมคําถามไว้ถามแพทย์
ต้องเจออะไรบ้างเมื่อต้องพบแพทย์:
ในระหว่างการซักประวัติผู้ป่วย แพทย์อาจถามเกี่ยวกับ:
         -อาการและเริ่มสังเกตเห็นอาการเมื่อไร
         -ผู้ป่วยมีเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์หรือไม่
         -ผู้ป่วยเคยอาศัยอยู่ในต่างประเทศหรือเคยเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่
         -ผู้ป่วยเคยอยู่หรือกำลังอาศัยอยู่กับคนที่เป็นวัณโรคหรือไม่


ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล : https://www.medparkhospital.com/content/pulmonary-tuberculosis