อาการปวดและชาที่มือ นิ้วมือ และข้อมือ ในตอนกลางคืน มีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่ ? สำหรับผู้ที่มีอาการปวดและชาที่มือรวมไปถึงอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น มือไม่มีแรง ไม่ว่าจะจับสิ่งของหรือถืออะไรก็มักหลุดออกจากมือ นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายว่าคุณกำลังเข้าข่ายเป็น “พังผืดทับเส้นประสาท”
บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการพังผืดกดทับเส้นประสาท ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการชามือ ปวดมือ พังผืดทับเส้นประสาทมีสาเหตุมาจากอะไร พังผืดที่ข้อมืออันตรายไหม อาการที่น่ากังวลต้องรีบไปพบแพทย์ก่อนที่จะสายเกินไป วิธีรักษาโรคพังผืดทับเส้นประสาท รวมไปถึงวิธีดูแลตนเองและแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดโรคพังผืดที่ข้อมือ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับพังผืดกดทับเส้นประสาท
โรคพังผืดกดทับเส้นประสาท
โรคพังผืดกดทับเส้นประสาท (Carpal Tunnel Syndrome) มักพบในผู้ที่ประกอบอาชีพที่ใช้งานมือหนัก หรือผู้ที่มีพฤติกรรมการใช้ข้อมือในท่าเดิมนานๆ ไม่ว่าจะเป็น พนักงานออฟฟิศที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ตลอดเวลา ชาวไร่ชาวสวน หรือนักกีฬาที่จำเป็นต้องใช้งานข้อมือหนัก การใช้งานมือและข้อมือในท่าเดิมซ้ำๆ เป็นเวลานานจะทำให้พังผืดกดทับเส้นประสาทในที่สุด
ทั้งนี้อาการปวดและชาข้อมือของโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทมักจะแสดงอาการตอนกลางคืน และที่สำคัญอาการพังผืดกดทับเส้นประสาทเป็นสัญญาณอันตรายที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ หากมีอาการชาและปวดที่มือถี่ๆ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาและเข้ารับการรักษาทันที หากผู้ป่วยโรคพังผืดทับเส้นประสาทที่ไม่ได้เข้ารับการรักษา หรือรักษาไม่ถูกวิธี จะทำให้กลายเป็นพังผืดกดทับเส้นประสาทเรื้อรัง ทำให้กล้ามเนื้อหัวแม่มืออ่อนแรง และไม่สามารถหยิบจับสิ่งของได้อย่างเดิมอีกต่อไป
โรคพังผืดกดทับเส้นประสาทเกิดจากสาเหตุใด
โรคพังผืดกดทับเส้นประสาท มีสาเหตุมาจากการใช้งานข้อมือหนัก หรือใช้งานมือในท่าเดิมเป็นเวลานาน จนทำให้พังผืดบริเวณข้อมือหนาขึ้น เมื่อพังผืดหนาขึ้น จึงไปกดทับเส้นประสาท Median Nerve ที่ทำหน้าที่รับรู้ความรู้สึกของมือ นิ้วมือ และฝ่ามือ ทำให้เกิดอาการชามือ ปวดเมื่อย แสบร้อน หรือรู้สึกเหมือนมือโดนไฟช็อต
อาการพังผืดกดทับเส้นประสาทมักพบในผู้ป่วยที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้งานมือหนัก ไม่ว่าจะเป็น พนักงานออฟฟิศ นักเขียน ชาวไร่ชาวสวน หรือนักกีฬาที่ต้องใช้ข้อมือมาก อาจจะทำให้เกิดอาการปวดข้อมือ ชามือ และบางรายอาจจะรู้สึกมือไม่ค่อยมีแรงร่วมด้วย
โดยพฤติกรรมการใช้งานข้อมือหนัก และใช้งานข้อมือในท่าเดิมเป็นระยะเวลานาน นอกจากจะทำให้เสี่ยงเป็นโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทแล้ว ยังทำให้เสี่ยงเป็นโรคนิ้วล็อกที่ส่งผลกระทบต่อการทำกิจวัตรประจำวันของคุณอีกด้วย สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรคนิ้วล็อก ได้ที่นี่
ปัจจัยที่กระตุ้นโรคพังผืดกดทับเส้นประสาท
นอกเหนือจากการใช้งานข้อมือและมือหนักจนทำให้พังผืดหนาตัวขึ้นจนไปกดทับเส้นประสาทแล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคพังผืดกดทับเส้นประสาท ได้แก่
1. กรรมพันธุ์
ผู้ป่วยบางคนที่เป็นโรคพังผืดกดทับเส้นประสาท มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ที่ทำให้มีความแตกต่างทางกายวิภาคจากคนทั่วไป โดยมีช่องที่อยู่ด้านหน้าของข้อมือ หรือที่เรียกว่า โพรงข้อมือ (Carpal Tunnel) เล็กกว่าปกติ ส่งผลให้มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทได้มากกว่าคนทั่วไป
2. พฤติกรรมและกิจวัตรประจำวัน
ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้ข้อมือในการทำงานเป็นหลัก หรือทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ อาจจะทำให้เส้นเอ็นที่ข้อมือมีการอักเสบ และทำให้เกิดการบวมจนไปกดทับที่เส้นประสาทได้
3. กีฬาและกิจกรรมบางชนิด
การเล่นกีฬา หรือการทำกิจกรรมบางชนิดที่จำเป็นต้องงอ หรือยืดมือและข้อมืออย่างรุนแรง เป็นประจำทุกวัน จะไปเพิ่มแรงกดทับบนเส้นประสาทที่บริเวณข้อมือได้ ไม่ว่าจะเป็น นักเทนนิส และนักปิงปอง เป็นต้น
4. การตั้งครรภ์
ระหว่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ฮอร์โมนในร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการบวมบริเวณมือและข้อมือ และส่งผลให้เกิดแรงกดทับต่อเส้นประสาทที่ข้อมือได้
5. โรคประจำตัว
ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หรือเป็นโรคบางโรค ได้แก่ เบาหวาน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคไทรอยด์ มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทมากกว่าคนทั่วไป
อาการของโรคพังผืดกดทับเส้นประสาท
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าตนเองเข้าข่ายเป็นโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทหรือไม่ คุณสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง โดยโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทมักมีอาการที่แสดงออก ดังนี้
- ชา ปวด แสบร้อน บริเวณฝ่ามือหรือนิ้วมือ โดยเฉพาะนิ้วโป้งและนิ้วชี้
- เหน็บกินไล่ตั้งแต่ปลายแขนขึ้นไปยังหัวไหล่
- รู้สึกเหมือนไฟช็อตที่นิ้วเป็นบางครั้ง
- รู้สึกเจ็บเหมือนมีเข็มทิ่มที่มือ
- บริเวณมือจะออกร้อน หรือมีอุณหภูมิอุ่น ๆ
- มืออ่อนแรง ไม่มีแรงที่มือ หรือทำของตกบ่อย ๆ ผู้ป่วยบางรายที่เส้นประสาทถูกกดทับเป็นเวลานานอาจจะไม่สามารถหยิบจับของได้
- กล้ามเนื้อที่ฝ่ามือลีบ
ทั้งนี้ อาการของโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทจะมีอาการค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป และเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ ยิ่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเร็วมากเท่าไหร่ การรักษาจะยิ่งใช้เวลาน้อยลง และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเดิม
ช่วงเวลาที่มักพบอาการพังผืดกดทับเส้นประสาท
ผู้ป่วยที่มีอาการพังผืดกดทับเส้นประสาทส่วนใหญ่มักจะรู้สึกชา ปวด แสบร้อน หรือรู้สึกเหมือนไฟช็อตที่ฝ่ามือในตอนกลางคืน และหลังตื่นนอน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับอาการปวดขาตอนกลางคืน และโรครูมาตอยด์
นอกจากนี้ อาการแสดงอาการของโรคในขณะที่ทำกิจกรรมที่ข้อมืออยู่ท่าเดิมเป็นเวลานาน เช่น เขียนหนังสือ ใช้คอมพิวเตอร์ ทำงานบ้าน หรือขับรถยนต์ เป็นต้น และบางรายอาจจมีอาการชาตลอดเวลาในเวลาต่อมา และอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น มืออ่อนแรง เหน็บกินที่มือและแขน ทำให้ไม่สามารถหยิบหรือจับสิ่งของได้สะดวก สำหรับผู้ที่มีอาการพังผืดกดทับเส้นประสาทและไม่ได้รับเข้าการรักษาอย่างถูกวิธี จะทำให้กล้ามเนื้อโคนนิ้วหัวแม่มือด้านนอกลีบถาวรได้
กลุ่มเสี่ยงพังผืดกดทับเส้นประสาท
ผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงที่อาจจะเกิดอาการพังผืดกดทับเส้นประสาทมากกว่าคนอื่น ๆ มีดังนี้
1. ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทมากกว่าผู้ชาย เพราะโครงสร้างทางร่างกายของผู้หญิงบริเวณข้อมือเล็กกว่า ทำให้อาจจะเกิดการตีบของอุโมงค์บริเวณข้อมือได้ง่ายกว่า
2. ผู้ที่เคยมีประวัติเกิดอุบัติเหตุที่บริเวณข้อมือ
3. ผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ มีโอกาสเสี่ยงของการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือได้
4. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรครูมาตอยด์ และไฮโปไทรอยด์ เป็นต้น
5. นักกีฬา และอาชีพบางอาชีพ เช่น นักเทนนิส นักเขียน พนักงานออฟฟิศ อีดิทเตอร์ และเกมเมอร์ เป็นต้น
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
อาการพังผืดกดทับเส้นประสาทมักจะมีอาการค่อยเป็นค่อยไป แล้วจึงกำเริบบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ หรือมีอาการมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมักพบอาการพังผืดกดทับเส้นประสาทในตอนกลางคืน หรือหลังจากตื่น เมื่อผู้ป่วยรู้สึกชา แสบร้อนที่มือ และส่งผลกระทบต่อการทำกิจวัตรประจำวัน พร้อมทั้งมีอาการชาที่มือถี่ ๆ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุของอาการชา และเข้ารับการรักษาเพื่อบรรเทาความรุนแรงของโรคทันที
การวินิจฉัยโรคพังผืดกดทับเส้นประสาท
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเข้าข่ายเป็นพังผืดกดทับเส้นประสาท แพทย์จะเริ่มการวินิจฉัยเบื้องต้นด้วยการซักประวัติ เพื่อทำการแยกโรคที่เป็นสาเหตุ ร่วมกับการตรวจร่างกายด้วยวิธีอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์และความรุนแรงของโรค ดังนี้
1. การตรวจดูลักษณะทางกายภาพ
หลังจากการซักประวัติผู้ป่วยเบื้องต้นแล้ว แพทย์มักจะทำการตรวจลักษณะทางกายภาพภายนอก โดยการตรวจสอบอาการชาจากเส้นประสาทมีเดียนถูกกดทับ โดยแพทย์จะเคาะบริเวณเส้นประสาทที่ข้อมือ หรือดัดข้อมือของผู้ป่วยเพื่อทำให้เส้นประสาทเกิดความตึง และแสดงอาการผิดปกติที่ชัดเจน นอกจากนี้ แพทย์จะทำการทดสอบความแข็งแรงที่ปลายนิ้วด้วยการสัมผัส และดูว่ากล้ามเนื้อบริเวณฐานนิ้วโป้งของผู้ป่วยเข้าข่ายภาวะอ่อนแรง หรือการฝ่อของกล้ามเนื้อหรือไม่
2. การตรวจด้วยไฟฟ้าวินิจฉัย
การตรวจด้วยไฟฟ้าวินิจฉัย (Electrodiagnosis) เป็นการตรวจเพิ่มเติมสำหรับผู้ป่วยที่ทำการตรวจลักษณะทางกายภาพแล้ว แต่อาการที่แสดงออกของโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทไม่ชัดเจน โดยการตรวจด้วยไฟฟ้าวินิจฉัยเป็นการตรวจหาความผิดปกติของเส้นประสาท โดยวัดความเร็วการนำกระแสไฟฟ้าของเส้นประสาท วิธีนี้นอกจากจะตรวจเพื่อแยกโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทได้แล้ว ยังสามารถแยกโรคอื่น ๆ ได้ด้วย ได้แก่ โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทที่คอ เป็นต้น
3. การตรวจด้วยรังสีวิทยา
- การเอกซเรย์ (X-ray)
การวินิจฉัยโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทด้วยการเอกซเรย์ สามารถคัดกรองโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทออกจากโรคอื่น ๆ ได้ดี และเป็นการตรวจเพื่อดูโครงสร้างของมือด้วยการฉายภาพรังสี
- การอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound)
เป็นการใช้คลื่นความถี่สูง เพื่อวิเคราะห์การบีบอัดของเส้นประสาทมีเดียนที่บริเวณมือและข้อมือของผู้ป่วย เพื่อดูอาการผิดปกติของเส้นประสาท
- การตรวจ MRI
วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากการสแกน เพื่อตรวจหาความผิดปกติของเนื้อเยื่อบริเวณเส้นประสาทมีเดียนที่ข้อมือและมือ โดยการตรวจ MRI สามารถตรวจหาอาการบาดเจ็บ หรือเนื้องอกบริเวณข้อมือได้
แนวทางการรักษาโรคพังผืดกดทับเส้นประสาท
วิธีรักษาโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธีใหญ่ ๆ คือ วิธีรักษาแบบไม่ผ่าตัด และวิธีรักษาแบบผ่าตัด ซึ่งผู้ป่วยทุกคนมักจะเริ่มต้นการรักษาอาการพังผืดกดทับเส้นประสาทด้วยวิธีไม่ผ่าตัดก่อน แล้วเมื่ออาการไม่ดีขึ้น แพทย์จึงจะแนะนำให้ผู้ป่วยใช้วิธีรักษาด้วยการผ่าตัดแทน
การรักษาพังผืดกดทับเส้นประสาทแบบไม่ต้องผ่าตัด
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ข้อมือ
วิธีนี้แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยระยะแรกของโรคทดลองปรับพฤติกรรมการใช้ข้อมือ ได้แก่ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจจะทำให้อาการพังผืดกดทับเส้นประสาทแย่ลง พักการใช้งานข้อมือและมือระหว่างวัน พยายามไม่ให้มืออยู่ท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ
รวมไปถึงหลีกเลี่ยงงานที่ทำให้เกิดแรงกระแทกบริเวณข้อมือ เนื่องจากแรงกระแทกอาจทำให้ความดันในโพรงข้อมือสูงขึ้น และมีผลเสียหายกับเส้นประสาทมีเดียน
- การใช้ยาต้านการอักเสบกลุ่ม NSAIDs
สำหรับผู้ป่วยโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทสามารถทานยาต้านการอักเสบกลุ่ม NSAIDs เพื่อลดอาการปวด บวม และแสบร้อนได้ ซึ่งยาต้านการอักเสบ ได้แก่ ไอบูโพรเฟน แอสไพริน และนาพรอกเซน เป็นต้น
- การประคบเย็นที่ข้อมือ
การประคบเย็นสามารถช่วยลดอาการบวมได้ เป็นการชะลอไม่ให้พังผืดไปกดทับเส้นประสาทมีเดียนที่บริเวณข้อมือของผู้ป่วย
- การใช้เฝือกดามข้อมือ
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่อาจส่งผลให้อาการพังผืดกดทับเส้นประสาทแย่ลง แพทย์จะแนะนำให้ใช้เฝือกดามข้อมือเพื่อเป็นการจัดระเบียบให้กับเส้นประสาทมีเดียนให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และไม่ถูกกดทับจากพังผืดบริเวณข้อมือ
- การทำกายภาพบำบัด
การทำกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการพังผืดกดทับเส้นประสาท จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และนักกายภาพบำบัด โดยนักกายภาพจะแนะนำวิธีและขั้นตอนที่เหมาะสมในการทำกายภาพสำหรับผู้ป่วย เพื่อช่วยให้เส้นประสาทเคลื่อนไหวในช่องข้อมือได้สะดวกมากขึ้น
- การฉีดยาสเตียรอยด์
การรักษาด้วยการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปในโพรงข้อมือรอบ ๆ เส้นประสาท พบว่า ผู้ป่วยอาการดีขึ้น 40-50% โดยแพทย์มักจะให้ผู้ป่วยรักษาควบคู่ไปกับการรับประทานยาเพรดนิโซโลน เพื่อลดอาการอักเสบและอาการปวด แต่วิธีรักษาด้วยการฉีดยาสเตียรอยด์เป็นวิธีรักษาที่ช่วยบรรเทาอาการปวดชั่วคราวเท่านั่น ไม่ใช่วิธีการฉีดยาสลายพังผืดที่มือ และเป็นวิธีรักษาที่ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
การผ่าตัดรักษาพังผืดกดทับเส้นประสาท
สำหรับผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีไม่ผ่าตัดที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วแต่อาการพังผืดกดทับเส้นประสาทไม่ดีขึ้น แพทย์จะพิจารณาวิธีรักษาด้วยการผ่าตัดพังผืดที่ข้อมือ เนื่องจากการปล่อยให้อาการพังผืดกดทับเส้นประสาทไว้นานเท่าไหร่ ยิ่งจะทำให้การเป็นอาการเรื้อรัง และส่งผลกระทบต่อการทำกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วยมากขึ้น
การผ่าตัดแบบเปิด
การผ่าตัดแบบเปิด เป็นวิธีช่วยให้คลายพังผืดที่กดทับเส้นประสาทออก 8soCfP12Ph19mi914zQaZz2KsGGtcANVhVVfKAnmVRqM ซึ่งแผลจะมีขนาดประมาณ 5 - 6 เซนติเมตร เปิดให้เส้นประสาทโดยตรง และสามารถผ่าตัดอื่น ๆ ร่วมด้วยได้ ได้แก่ การตัดเยื่อหุ้มเอ็นออก เป็นต้น
วิธีรักษาอาการพังผืดกดทับเส้นประสาทในปัจจุบันนิยมวางยาสลบกับผู้ป่วย และเป็นวิธีรักษาที่ค่อนข้างปลอดภัย ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องงดน้ำ หรืองดอาหาร
การผ่าตัดแบบส่องกล้อง
การผ่าตัดแบบส่องกล้องเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้แผลผ่าตัดเล็กลง ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน และดูแลแผลได้ง่ายกว่าการผ่าตัดแบบอื่นๆนอกจากนี้การผ่าตัดแบบส่องกล้องเพื่อรักษาโรคพังผืดทับเส้นประสาทผู้ป่วยสามารถใช้งานข้อมือแบบเบาๆ ได้ทันที โดยวิธีนี้แพทย์จะใช้กล้องส่องเข้าไปดูพังผืดที่เป็นปัญหาและทำการผ่าตัดคลายพังผืดผ่านกล้อง
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดพังผืดกดทับเส้นประสาท
สำหรับผู้ป่วยที่รักษาอาการพังผืดกดทับเส้นประสาทด้วยวิธีผ่าตัด แนะนำให้ผู้ป่วยยกมือขึ้นเหนือระดับหัวใจ และขยับมือเพื่อลดอาการบวมและตึง พร้อมทั้งใส่อุปกรณ์ช่วยพยุงข้อมือ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือการขับรถยนต์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ป่วยแต่ละรายใช้เวลาพักฟื้นไม่เท่ากัน ผู้ป่วยบางรายใช้เวลาพักฟื้นตัวหลังจากผ่าตัด 2 - 3 เดือน แต่มีผู้ป่วยบางรายที่ใช้เวลาพักฟื้นหลังผ่าตัด 6 - 12 เดือน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทแต่ละคน
การป้องกันโรคพังผืดกดทับเส้นประสาท
เพราะสาเหตุของอาการพังผืดกดทับเส้นประสาทส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการใช้งานข้อมือหนัก จนทำให้พังผืดบวมและไปกดทับเส้นประสาทมีเดียนที่บริเวณข้อมือจนทำให้ผู้ป่วยรู้สึกชา ปวด แสบ หรือรู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม ดังนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสามารถใช้ช่วยป้องกันโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทได้ โดยมีวิธีดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการใช้งานข้อมือหนัก หรือพักข้อมือระหว่างวัน เพื่อยืดกล้ามเนื้อ ทำกายบริหารข้อมือให้เส้นเอ็นคลายตัวลง
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องงอข้อมือมาก ๆ ได้แก่ การเขียนหนังสือ หรือการขับรถยนต์ เป็นต้น
- ปรับท่าการวางข้อมือให้เหมาะสม โดยให้แขนกับมือวางในแนวเดียวกัน เพื่อลดโอกาสการกดทับเส้นประสาท
- หาอุปกรณ์ที่สามารถช่วยลดการหักข้อมือลงได้ ได้แก่ ใช้เมาส์ หรือคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ
ข้อสรุป
โรคพังผืดกดทับเส้นประสาท เป็นโรคที่มักพบในผู้ป่วยวัยทำงาน เนื่องจากมีสาเหตุมาจากการใช้งานข้อมือหนัก และข้อมืออยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้พังผืดบริเวณข้อมือเกิดการอักเสบ บวม และไปทับเส้นประสาทมีเดียนที่ทำหน้าที่รับรู้ความรู้สึกข้อและนิ้วมือ ทำให้ผู้ป่วยพังผืดกดทับเส้นประสาทเกิดอาการชา ปวด หรือรู้สึกเหมือนไฟช็อตที่มือและนิ้วมือ
ทั้งนี้ โรคพังผืดกดทับเส้นประสาทเป็นโรคที่ไม่สามารถหายได้เลย จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่ถูกวิธี หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาจะทำให้อาการของโรครุนแรงมากขึ้น และกลายเป็นอาการเรื้อรัง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การหยิบของไม่สะดวก ทำของตกบ่อย ๆ มือไม่มีแรง ไม่สามารถกำมือได้ หรือผู้ป่วยบางรายอาจจะกล้ามเนื้อลีบถาวรได้
จึงเป็นเหตุผลว่า ถ้าผู้ป่วยมีอาการชา ปวด และแสบบริเวณมือและนิ้ว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและเข้ารับการรักษาที่ถูกวิธีทันที
References
- N.D. (2022, Mar). Carpal Tunnel Syndrome. OrthoInfo. https://orthoinfo.aaos.org/en/diseases--conditions/carpal-tunnel-syndrome/
- Tyler, W. (2021, Nov 19). Carpal Tunnel Syndrome. WebMD. https://www.webmd.com/pain-management/carpal-tunnel/carpal-tunnel-syndrome
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล :www.samitivejchinatown.com