ขณะตั้งครรภ์คุณแม่ทุกท่านจะรับประทานยาตัวใดเพื่อรักษาอาการก็มักจะกังวลว่ายาตัวนี้จะมีผลต่อลูกในครรภ์ไหมนะ ยาตัวไหนบ้างนะที่คุณหมอเคยห้าม เป็นไข้ปวดหัว ไอ มีเสมหะ กินยาฆ่าเชื้อได้ไหมจะอันตรายต่อลูกรึเปล่า คำถามเหล่านี้คงวนเวียนซ้ำ ๆ บางท่านถึงกับเลือกที่จะอดทน ไม่รับประทานยาใดเลยเพราะกลัวว่าจะไปกระทบต่อลูกน้อย หากอาการค่อย ๆ ดีขึ้นก็โล่งใจ แต่หากเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นเมื่อไหร่กว่าคุณแม่จะได้รับประทานยาที่ถูกต้อง บางทีอาการป่วยก็ทวีความรุนแรงจนอาจจะส่งผลเสียต่อทั้งคุณแม่และคุณลูกไปแล้ว เรามาดูกันเถอะว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ควรเลือกใช้ยาอย่างไรให้ปลอดภัยทั้งกับคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์
1. อาการปวดหัวไมเกรน
หากมีอาการปวดไมเกรน ควรแจ้งแพทย์เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ยาที่สามารถใช้ได้ : ยาพาราเซตามอล
- รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด ห่างกัน 4-6 ชั่วโมง (ขึ้นกับน้ำหนักตัว และขนาดยา)
- ห้ามรับประทานเกิน 4,000 มิลลิกรัม/วัน
- หากรับประทานยาแล้วไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์
ที่สำคัญห้ามใช้ ยาแก้ปวดไมเกรนเออร์โกทามีน (Ergotamine) เด็ดขาด !!! เพราะทำให้ลูกน้ำหนักตัวน้อย และมดลูกบีบตัวเกิดการแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้
2. อาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
ยาที่สามารถใช้ได้ : วิตามินบี6 (Pyridoxine) ยาขิง
3. อาการคัดจมูก
วิธีที่ควรเลือกใช้ : สามารถใช้น้ำเกลืออุ่น ๆ พ่น/ล้างจมูก เพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้นได้
4. อาการท้องผูก
ยาที่สามารถใช้ได้ : ยาระบายชนิดเพิ่มปริมาณอุจจาระ (bulk-forming laxatives) เป็นยาที่ใช้ในหญิงมีครรภ์ได้ เช่น ไฟเบอร์จากเมล็ดเทียนเกล็ดหอย (psyllium husk), เมทิลเซลลูโลส (methylcellulose)
- ยาในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อยู่ในรูปยาผง ก่อนรับประทานให้ละลายผงยาให้เข้ากันดีกับน้ำ โดยห้ามผสมยากับน้ำร้อน เนื่องจากทำให้ผงยาไม่ละลายและกลายเป็นวุ้น
- รับประทานยาหลังผสมทันที
- รับประทานห่างจากยาอื่นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
- ควรดื่มน้ำมากๆ และบริโภคอาหารที่มีกากใยให้เพียงพอ
- การใช้ยาระบายเป็นการบรรเทาอาการท้องผูกชั่วคราวเท่านั้น
5. อาการท้องเสีย
ยาที่สามารถใช้ได้ : ยาผงเกลือแร่ ORS
6. ยาขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
ยาที่สามารถใช้ได้ : ยาไซเมทิโคน (Simethicone)
นอกจากนี้ยังมียาอื่น ๆ ที่ควรระมัดระวังในการรับประทาน เช่น ยาที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์มีผลต่อพัฒนาการทางสมองของทารกโดยเฉพาะในช่วงการตั้งครรภ์สามเดือนแรก อาจทำให้ทารกมีภาวะพิการทางสมองหรือปัญญาอ่อนได้
ดังนั้นหากมีอาการเจ็บป่วยขณะตั้งครรภ์ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำและการรักษาที่ถูกต้อง โดยแพทย์จะพิจารณาการรักษาและยาที่เหมาะสมของแต่ละบุคคล ไม่ควรซื้อยากินเอง หรือแม้แต่ยาบางชนิดที่เคยรับประทานเป็นประจำหรือยารักษาโรคประจำตัวก็อาจจะเป็นยาที่อันตรายร้ายแรงต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบว่าตั้งครรภ์อยู่ก่อนใช้ยา
ข้อมูลอ้างอิง
2. กรดไหลย้อนในหญิงตั้งครรภ์-ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องแพทย์. (n.d.)
7.เกร็ดความรู้ของคุณแม่ตั้งครรภ์กับการใช้ยา| คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา. (n.d.). Retrieved December 27, 2023, from
9.What medicine can Itake for allergies while I’m pregnant? (2021). Retrieved December 27, 2023,from
11.Black, R. A., & Hill, D. A. (2003). Over-the-countermedications in pregnancy.
13.การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร. (n.d.). RetrievedDecember 28, 2023, from
ขอบคุณข้อมูลจาก https://oryor.com/media/infoGraphic/media_printing/2307