กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี แนะผู้ปกครองควรมีการเฝ้าระวังเชื้อดื้อยา CRE ในเด็ก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อในโรงพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยง ส่งผลร้ายทำให้ลูกน้อยมีอาการเจ็บป่วยรุนแรงมากยิ่งขึ้น
นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เชื้อดื้อยา หรือ เชื้อแบคทีเรียดื้อยา มีสาเหตุสำคัญจากการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่ถูกวิธี ส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียมีการปรับตัวและพัฒนาการดื้อยาจนไม่สามารถใช้ยาปฏิชีวนะที่มีอยู่เดิม จึงมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาโดยการใช้ยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพ้ยาและอาจเกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้ รวมทั้งยังส่งผลให้ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลนานยิ่งขึ้น ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเพิ่มสูงขึ้น หรือกรณีรุนแรงที่สุด คือ ไม่มียาปฏิชีวนะใดที่สามารถรักษาผู้ป่วยได้
นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า เชื้อดื้อยา CRE (Carbapenem-Resistant-Enterobacteriaceae) เป็นเชื้อแบคทีเรียกลุ่ม Enterobacteriaceae (แบคทีเรียแกรมลบทรงแท่งที่พบในลำไส้) ที่ดื้อต่อยากลุ่ม Carbapenem ซึ่งเป็นยาหลักที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อ โดยเชื้อที่พบบ่อย ได้แก่ Klebsiella pneumoniae, Escherichia Coli และ Enterobacter spp. และด้วยลักษณะเฉพาะของเชื้อดื้อยา CRE สามารถอาศัยอยู่ในลำไส้ได้นาน 6-9 เดือน ซึ่งทำให้สามารถก่อโรคไปยังระบบอื่นของร่างกายและแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นได้ โดยมักพบการดื้อยาเมื่อร่างกายของคนเรามีความอ่อนแอ หรือ ได้รับยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน ดังนั้น สิ่งสำคัญสำหรับการป้องกันการเกิดเชื้อดื้อยา CRE ในเด็ก คือ ดูแลบุตรหลานให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่ง โดยไม่ซื้อยาปฏิชีวนะมารับประทานเอง เพื่อป้องกันการเกิดแบคทีเรียดื้อยา และเชื้อดื้อยา CRE สามารถแพร่กระจายเชื้อโดยการสัมผัส ผู้ดูแลผู้ป่วย ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ญาติ จึงควรหมั่นล้างมืออย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา CRE เมื่อพบอุบัติการณ์การในโรงพยาบาล
กรมการแพทย์แนะ เชื้อดื้อยา CRE ในเด็กป้องกันอย่างไร?
กรมการแพทย์