ภาวะโลหิตจางคือ
โลหิตจาง หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าภาวะซีด พบได้ในประชากรทั่วไป คือภาวะที่เม็ดเลือดแดงมีปริมาณลดลง เม็ดเลือดแดงของคนเราโดยปกติจะมีหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย โดยผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดจะมาด้วยอาการปวดหัว ใจสั่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย มีผิวหนังซีดลงหรือเหลืองขึ้น
ภาวะโลหิตจางเกิดจากอะไร
สาเหตุของการเกิดภาวะโลหิตจางนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสามารถแบ่งออกได้เป็นสาเหตุหลักๆ ได้ดังนี้
1.การสร้างเม็ดเลือดแดงน้อยลง ซึ่งมีปัจจัยมาจาก
* การขาดสารอาหาร ได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วนโดยเฉพาะการขาดธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 หรือกรดโฟลิค
* ภาวะโรคเรื้อรังบางชนิดหรือการรักษาโรคเรื้อรัง อาจส่งผลกระทบต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงเช่น โรคมะเร็ง โรคข้ออักเสบ รูตอยด์ โรคไตวายเรื้อรัง โรค HIV โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
* การตั้งครรภ์ ภาวะโลหิตจางสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะช่วงอายุครรภ์ 6 เดือนแรก เนื่องจากขาดสารอาหารประเภทธาตุเหล็กและกรดโฟลิก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในเลือด
* โรคเกี่ยวกับไขกระดูก เช่น ไขกระดูกฝ่อ มะเร็งในไขกระดูก เป็นต้น
2.การทำลายเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติในร่างกาย เป็นผลมาจากการติดเชื้อ หรือโรคในกลุ่มที่เป็นสาเหตุให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายกว่าปกติ ซึ่งผู้ป่วยมักจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง หรืออาการดีซ่านร่วมด้วย เช่น
* โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemias) เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่พบบ่อย
* รูปร่างเม็ดเลือดแดงผิดปกติ (Sickle Cell Anemia)
* การติดเชื้อบางชนิด เช่น มาลาเรีย คลอสติเดียม มัยโค พลาสมา เป็นต้น
3.การสูญเสียเลือดอย่างฉับพลัน เช่น การเกิดอุบัติเหตุ การตกเลือด ภาวะเลือดหลังคลอดบุตร หรืออาจค่อยๆ เสียเลือดเรื้อรัง ซึ่งผู้ป่วยที่เสียเลือดเรื้อรัง ก็มักจะทำให้มีการขาดธาตุเหล็กตามมาด้วย การสูญเสียเลือดเรื้อรัง เช่น เสียเลือดทางประจำเดือนในผู้หญิง เสียเลือดในทางเดินอาหารในผู้ชายและผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
อาการเสี่ยงภาวะโลหิตจาง
* เบื่ออาหาร
* เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
* ตัวซีดเหลือง
* หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน
* หายใจลำบากขณะออกแรง
* มึนงง วิงเวียนศีรษะ
* เจ็บหน้าอกใจสั่น
* หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้หัวใจล้มเหลว
* หากมีอาการเรื้อรัง อาจพบอาการมุมปากเปื่อย เล็บมีลักษณะอ่อนแอและแบน หรือเล็บเงยขึ้นมีแอ่งตรงกลางคล้ายช้อน
ไม่อยากเป็นโลหิตจาง ต้องทำตัวอย่างไร
* เลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก วิตามิน และสารอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ตับหมู นม ไข่ เลือดหมู ธัญพืช โดยเฉพาะในผู้หญิงตั้งครรภ์ ทารก และวัยรุ่น
* รับประทานวิตามินเสริมโดยขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ในผู้ที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจากการรับประทานอาหาร
* ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน
* ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ควรรับประทานอาหารที่มีประโชยน์และอุดมไปด้วยโฟลิค และธาตุเหล็ก เช่น ปลา เนื้อแดงไร้ไขมัน ไข่ ถั่ว และผักใบเขียว เพื่อป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจาง และอาจรับประทานวิตามินเสริมโฟลิค และธาตุเหล็ก เพื่อช่วยรักษาระดับเซลล์เม็ดเลือดแดงให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อแนะนำการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมใดๆ ก่อนเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลบางปะกอก
https://www.bpksamutprakan.com/care_blog/view/261