วัคซีนโควิด-19: ถึงเวลาหยุดฉีดแล้วหรือยัง? หรือการป้องกันยังคงจำเป็นอยู่?

วัคซีนโควิด-19: ถึงเวลาหยุดฉีดแล้วหรือยัง? หรือการป้องกันยังคงจำเป็นอยู่?


ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ให้คำตอบเรื่องนี้ไว้ดังนี้

ความจำเป็นในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ต่อไปนั้น ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลนั้นจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ทั้งตามนโยบายของไทยและแนวทางของ อย. สหรัฐ (US FDA)


“หากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยง (เช่น กลุ่ม 608 ของไทย หรือกลุ่มผู้สูงอายุ/ผู้มีปัจจัยเสี่ยงตามนิยามของสหรัฐฯ ที่ละเอียดกว่า) ยังคงแนะนำให้รับวัคซีน เพื่อลดความรุนแรงของโรค


หากคุณเป็นผู้มีสุขภาพดีและไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหลัก ตามแนวทางของไทยคือตามความสมัครใจ ส่วนแนวทางของ US FDA คือรอข้อมูลเพิ่มเติมจากการศึกษา RCT เพื่อการอนุมัติในวงกว้างสำหรับวัคซีนในกลุ่มนี้ แม้จะไม่ห้ามการฉีดก็ตาม”


สำหรับประเทศไทย (ตามโมเดล "กลุ่ม 608")
ยังคงเน้นความจำเป็นในการฉีดวัคซีนในกลุ่มต่อไปนี้:
• ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
• ผู้ป่วยใน 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง (โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน, โรคมะเร็ง, โรคเบาหวาน)
• หญิงตั้งครรภ์ (อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป)
สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีสุขภาพดี อายุน้อยกว่า 60 ปี ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ และไม่มีโรคใน 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง การรับวัคซีนอาจเป็นไปตามความสมัครใจหรือคำแนะนำเพิ่มเติมตามสถานการณ์


สำหรับแนวทางของ US FDA (ตามเอกสารวิชาการที่อ้างอิง)
แนะนำวัคซีนสำหรับ:
• ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
• บุคคลทุกรายที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน ที่มีปัจจัยเสี่ยงอย่างน้อยหนึ่งข้อ ตามที่ CDC สหรัฐฯ ระบุ (CDC 2025 List of Underlying Medical Conditions That Increase a Person's Risk of Severe Covid-19) ซึ่งรายการปัจจัยเสี่ยงมีความละเอียดและครอบคลุมกว้างขวางมาก ได้แก่:
o โรคหืด (Asthma)
o มะเร็ง (Cancer)
o มะเร็งทางโลหิตวิทยา (Hematologic malignancies)
o โรคหลอดเลือดสมอง (Cerebrovascular disease)
o โรคไตเรื้อรัง (Chronic kidney disease)
o ผู้ที่ได้รับการฟอกไต (People receiving dialysis)
o โรคปอดเรื้อรัง จำกัดเฉพาะ: หลอดลมโป่งพอง (Bronchiectasis), โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD), โรคปอดอินเตอร์สติเชียล (Interstitial lung disease), ภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด (Pulmonary embolism), ความดันหลอดเลือดปอดสูง (Pulmonary hypertension)
o โรคตับเรื้อรัง จำกัดเฉพาะ: โรคตับแข็ง (Cirrhosis), โรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (Nonalcoholic fatty liver disease), โรคตับจากแอลกอฮอล์ (Alcoholic liver disease), โรคตับอักเสบจากภูมิต้านตนเอง (Autoimmune hepatitis)
o ซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic fibrosis)
o โรคเบาหวาน ชนิดที่ 1 (Diabetes mellitus, type 1)
o โรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 (Diabetes mellitus, type 2)
o เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational diabetes)
o ความพิการต่างๆ รวมถึงกลุ่มอาการดาวน์ (Disabilities, including Down's syndrome)
o ภาวะเกี่ยวกับหัวใจ (เช่น หัวใจล้มเหลว, โรคหลอดเลือดหัวใจ, หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจ) (Heart conditions (such as heart failure, coronary artery disease, or cardiomyopathies))
o เชื้อเอชไอวี (HIV (human immunodeficiency virus))
o ภาวะสุขภาพจิต จำกัดเฉพาะ: ความผิดปกติทางอารมณ์ รวมถึงภาวะซึมเศร้า (Mood disorders, including depression), กลุ่มโรคจิตเภท (Schizophrenia spectrum disorders)
o ภาวะทางระบบประสาท จำกัดเฉพาะภาวะสมองเสื่อมและโรคพาร์กินสัน (Neurologic conditions limited to dementia and Parkinson's disease)
o โรคอ้วน (BMI ≥30 หรือ ≥95 เปอร์เซ็นไทล์ในเด็ก) (Obesity (BMI ≥30 or ≥95th percentile in children))
o การไม่ออกกำลังกาย (Physical inactivity)
o การตั้งครรภ์และเพิ่งตั้งครรภ์ (Pregnancy and recent pregnancy)
o ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องปฐมภูมิ (Primary immunodeficiencies)
o การสูบบุหรี่ (ปัจจุบันและอดีต) (Smoking, current and former)
o การปลูกถ่ายอวัยวะหรือเซลล์ต้นกำเนิด (Solid-organ or blood stem-cell transplantation)
o วัณโรค (Tuberculosis)
o การใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์หรือยากดภูมิคุ้มกันอื่นๆ (Use of corticosteroids or other immunosuppressive medications)


สำหรับบุคคลที่มีสุขภาพดี อายุ 6 เดือน ถึง 64 ปี ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโควิด-19 รุนแรง: US FDA ไม่ได้ "ไม่สนับสนุน" การฉีดวัคซีน แต่ต้องการหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่นยิ่งขึ้นจากการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (RCT) ที่ประเมิน "ผลลัพธ์ทางคลินิก" จริงๆ ก่อนที่จะให้การอนุมัติในวงกว้าง (Biologics License Applications) สำหรับกลุ่มนี้

 


ข้อมูลจาก ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เพจ Center for Medical Genomics