เด็กไทยกินผักผลไม้หลากสี ปลา ไข่ ช่วยบำรุงสายตา

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะ เด็กไทยเลือกกินอาหารประเภทพืชผักผลไม้หลากสี ปลาและไข่ เพื่อบำรุงสายตา ป้องกันการเสื่อมประสิทธิภาพของดวงตา
          นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยบำรุงสายตา เพราะหากร่างกายขาดสารอาหารบางชนิดจะส่งผลเสียต่อสุขภาพตาได้ โดยเฉพาะสายตาเด็กที่ต้องใช้เทคโนโลยีผ่านคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตในการเรียนออนไลน์ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาจส่งผลให้เด็กมีปัญหาทางด้านสายตาเพิ่มมากขึ้น เช่น เกิดภาวะตาล้า ปวดตา แสบตา ตาแห้ง พ่อแม่จึงควรเลือกอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาให้กับเด็ก ได้แก่ 1) ผักผลไม้หลากสีเพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆและสารต้านอนุมูลอิสระ คือ (1) วิตามินเอช่วยปกป้องกระจกตา ช่วยการมองเห็นในที่มืด ได้แก่ ผักผลไม้สีเหลือง ส้มเขียว ซึ่งมีสารแคโรทีนอยด์ ที่เป็นสารตั้งต้นในการสร้างวิตามินเอ เช่น ตำลึง ฟักทอง ข้าวโพด แครอท ผักโขม คะน้า พริกหยวกส่วนผลไม้ เช่น มะละกอ แคนตาลูป มะม่วงสุก (2) วิตามินซี เป็นสารที่ช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ ได้แก่ ผักและผลไม้ต่างๆ เช่น คะน้า ผักโขม กะหล่ำปลี บรอกโคลีหน่อไม้ฝรั่ง พริกต่างๆ ส่วนผลไม้ เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ฝรั่ง กีวี่ (3) ลูทีน สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในข้าวโพด ผักโขม อะโวคาโด(4) ไลโคปีน สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในมะเขือเทศ ฟักข้าว และ (5) แอนโทไซยานิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ พบในผักและผลไม้สีม่วง ได้แก่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ทับทิม กะหล่ำปลีม่วง มะเขือม่วง 2) ปลา เพราะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และ 3)ไข่เนื่องจากในไข่แดงจะมีสารลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งจะช่วยบำรุงระบบการไหลเวียนของเลือดและเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงตา ป้องกันการเสื่อมประสิทธิภาพของดวงตา
          “นอกจากนี้ เด็กที่เรียนออนไลน์ควรได้รับการจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม โดยมีแสงสว่างในห้องเพียงพอ ปรับแสงจากหน้าจอให้พอเหมาะ เพิ่มขนาดตัวอักษร เด็กที่มีสายตาสั้นอยู่เดิม ควรเพิ่มกิจกรรมนอกบ้าน หรือเพิ่มการมองระยะไกลบ้างตามสมควร มีตารางเวลาในการเรียน การพัก และการได้คุย ได้เล่นกับคนรอบข้าง เพื่อเป็นการพักสายตาและลดความเครียดจากการเรียนออนไลน์ได้ และถนอมดวงตาโดยยึดหลักปฏิบัติ20-20-20 คือทุกๆ 20 นาทีให้พักสายตา 20 วินาทีและมองไกลๆ ไปยังสิ่งที่อยู่ไกลกว่า 20 ฟุต หรือ 6 เมตร” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว